สิ่งหนึ่งที่ iPhone 17 Pro ปรับปรุงไปเยอะคือระบบกล้องหลัง 3 เลนส์ใหม่ที่เป็น Fusion Camera ทั้งหมด ใช้เซนเซอร์ความละเอียด 48 ล้านพิกเซลทุกตัว ทำให้ระยะซูมระดับ Optical ของ iPhone 17 Pro ขยับขึ้นไปเป็น 8x จากเดิม iPhone 16 Pro ซูมได้แค่ 5x เท่านั้น แต่ตัวเลขซูม 8x นี้ไม่ใช่ตัวเลขกำลังซูมจริง ๆ ของตัวชิ้นเลนส์นะครับ เลนส์ชุดนี้ซูมจริง ๆ แค่ 4x เอง แล้วใช้ซอฟต์แวร์จัดการให้เป็น 8 เท่า จึงเกิดเป็นเรื่องราวดราม่าว่าแอปเปิ้ลกำลังหลอกเรา ลดสเปกซูมของกล้องแล้วหลอกด้วยซอฟต์แวร์รึเปล่า บทความนี้เรามาวิเคราะห์กันครับว่าแอปเปิ้ลทำแบบนี้ทำไม
ก่อนอื่นเราเริ่มจากความต้องการพื้นฐานของผู้ใช้งานกล้องมือถือกันก่อนครับว่าเราต้องการช่วงซูมแต่ละจุดเพื่ออะไรบ้าง
สมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็ต้องตอบสนองผู้ใช้ในทุกความต้องการ จึงต้องมีหลายเลนส์เพื่อให้ได้ช่วงซูมที่แตกต่างกัน
เราต้องเข้าใจว่าตัวเลขการซูมของสมาร์ตโฟนมันไม่เหมือนการซูมด้วยด้วยกล้องดิจิทัลนะครับ ในกล้องดิจิทัลเราสามารถใส่ชุดเลนส์หนา ๆ เพื่อให้มีการขยับช่วงซูมไประยะต่าง ๆ ด้วยชิ้นเลนส์ที่เคลื่อนไหวไปมาได้ แต่ในกล้องสมาร์ตโฟนช่วงซูมระหว่างเลนส์คือการประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์ล้วน ๆ
เช่นใน iPhone 16 Pro เดิม ถ้าเราซูมจาก 1x ไป 5x ช่วงซูมระหว่างทางคือ 1.1x ถึง 4.9x ตรงนี้จะเป็นหน้าที่ของเลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซลในการครอปภาพแล้วเอามาประมวลผลเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจน แปลว่าเลนส์หลักต้องแบกรับภาระการซูมเยอะมาก ก่อนที่จะเป็นหน้าที่ของเลนส์ซูมจริง ๆ ที่ระยะ 5x
ซึ่งเซนเซอร์ 48 ล้านก็คงไม่มีปัญหากับการซูมสัก 2x ที่สามารถเอาภาพความละเอียดสูงจากเซนเซอร์มาครอป แล้วประมวลผลให้ชัดจนไม่ต่างจากการซูมด้วยเลนส์จริง ๆ ได้ แต่การซูมที่ 3x หรือ 4x จะมีปัญหาแล้วว่าภาพมันไม่ชัดเท่าที่ควร เพราะเราใช้งานเซนเซอร์หลักเกินสเปกอยู่ แล้วช่วงซูม 3x, 4x เป็นช่วงซูมที่ใช้ถ่ายภาพบุคคล Portrait เยอะด้วย เพราะมันเป็นระยะที่ให้สัดส่วนใบหน้าคนกำลังสวย แล้วผู้ถ่ายไม่ต้องอยู่ห่างจากตัวแบบมากเกินไป ถ้าใช้เลนส์ซูม 5x ถ่ายเพื่อให้ได้คุณภาพ ผู้ถ่ายก็ต้องถอยไกลมาก
ตอนนี้เราเห็นปัญหาของเลนส์ 5x แล้วใช่ไหมครับ
เมื่อ Apple ต้องดีไซน์สมาร์ตโฟนไม่ให้มีขนาดใหญ่เกินไป แล้วต้องแก้ปัญหาที่ผู้ใช้บ่นเรื่องการถ่าย Portrait ด้วย การออกแบบกล้องของ iPhone 17 Pro จึงเปลี่ยนไป แอปเปิ้ลแก้ไขปัญหานี้โดยลดกำลังซูมของเลนส์เหลือ 4x เพื่อให้เหมาะสมกับการถ่าย Portrait มากขึ้น แล้วไปเพิ่มความละเอียดเซนเซอร์เป็น 48 ล้านพิกเซลเพื่อให้เลนส์นี้สามารถซูมได้ถึง 8x โดยที่ไม่เสียคุณภาพมากนัก (ในเว็บแอปเปิ้ลใช้คำว่า “ซูมคุณภาพระดับออปติคัลสูงสุด 8 เท่า”) ร่วมกับการประมวลผลโดยปรับปรุง Photonic Engine ใหม่ให้รองรับการซูมระดับนี้ ทำให้แอปเปิ้ลกล้าโฆษณาว่าเป็นไอโฟนที่ซูมได้สูงสุด
สำหรับสมาร์ตโฟนรุ่นใหญ่บางตัวอย่าง Samsung Galaxy S25 Ultra แก้ไขด้วยการใส่ 4 เลนส์เข้าไปเลยครับ ดีไซน์ให้มีเลนส์ 3x เพิ่มมาคั่นระหว่างเลนส์ 1x กับ 5x ทำให้ภาระของเลนส์ 1x ไม่หนักมาก และมีเลนส์ 3x รองรับการถ่าย Portrait โดยเฉพาะ ซึ่งทางเลือกนี้ก็จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และเครื่องต้องมีขนาดใหญ่ เพื่อรองรับกล้องทั้ง 4 ตัว แล้วยังต้องทำให้ลดสเปกของกล้องบางตัวลง เพื่อไม่ให้ชุดเลนส์ทั้งหมดใหญ่เกินไป
ส่วน Vivo X200 Ultra ใช้ระบบกล้อง 3 เลนส์ ไม่มีเลนส์ที่ 4 เพิ่มเข้ามา โดยเลนส์ซูมมีกำลัง 3.7x แล้วไปอัดความละเอียดของเลนส์นี้เป็น 200 ล้านพิกเซล ทำให้สามารถซูมได้ดีตั้งแต่ระยะ 3.7x ไปจนถึง 10x หรือ 20x แต่การใช้เซนเซอร์ความละเอียดสูง คุณภาพสูง ก็ทำให้ชุดเลนส์ของเครื่องใหญ่เช่นกัน