ทำความรู้จัก WHOOP สายรัดสุขภาพไร้หน้าจอ ดียังไง ทำไมฮิตในหมู่คนดัง

dailygizmoIT4 hours ago2 Views

THE SUMMARY:

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่ามาหลายคนอาจจะเห็น WHOOP สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่คนดังเลือกใช้ไม่ว่าจะเป็น ท็อป จิรายุส, คริสเตียนโน โรนัลโดเลือกใช้ วันนี้ CEEi.co พาไปทำความรู้จัก พร้อมไขข้อสงสัยทำไมแก็ดเจ็ตชิ้นนี้ถึงกลายเป็นเครื่องแสดงสถานะของชนชั้นไปได้

ทำความรู้จัก WHOOP

Whoop คือ อุปกรณ์วัดสุขภาพ (wearable fitness tracker) พัฒนาขึ้นโดยบริษัทสัญชาติอเมริกันชื่อเดียวกันก่อตั้งโดย Will Ahmed ซึ่งเขาได้ไอเดียตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ด้วยความที่เขาชอบออกกำลังกาย ทำให้สมัยเรียนถูกชวนไปเป็นนักกีฬาสควอช จนสามารถไต่เต้าเป็นกับตันทีมของมหาวิทยาลัย

เขาเริ่มตั้งคำถามว่าการฝึกซ้อมส่งผลต่อร่างกายอย่างไร หลังจากสังเกตว่านักกีฬาหลายคนซ้อมหนักเกินไป บางคนซ้อมน้อยเกินไป บ้างก็ประเมินสมรรถภาพผิดพลาด หรือไม่เข้าใจความสำคัญของการพักฟื้นและการนอนหลับ

แม้หลายคนจะพยายามทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่กลับผลักตัวเองจนถึงขีดจำกัด ด้วยเหตุนี้ Ahmed จึงมองหาวิธีการวัดและติดตามร่างกายของตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดียวกัน

หลังจากอ่านงานวิจัยทางการแพทย์มากกว่า 500 ชิ้น เขาพบตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจร่างกายมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเริ่มต้นวางแผนธุรกิจ และในปี 2012 หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี Ahmed ได้ก่อตั้งบริษัท WHOOP โดยร่วมมือกับ John Capodilupo ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ และ Aurelian Nicolae ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ เพื่อพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่บนข้อมือที่มอบข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลให้ผู้ใช้

ภารกิจหลักของ WHOOP คือ “เพื่อปลดล็อกศักยภาพของมนุษย์” เขามองว่า หากเราเข้าใจร่างกายและพฤติกรรมของตัวเองได้ดีขึ้นก็จะสามารถดึงศักยภาพภายในออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ จนออกมาเป็นสายรัดข้อมือรุ่นแรก WHOOP 1.0 ที่เปิดตัวในปี 2015

จุดเด่นของ WHOOP

WHOOP อยู่ในรูปแบบของสายรัดข้อมือ มาพร้อมฟีเจอร์เจาะลึกกว่าสมาร์ทวอทช์ทั่วไป สำหรับวัดสมรรถภาพร่างกาย การพักผ่อน และการฟื้นตัว (recovery) ของผู้ใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เข้าใจร่างกายตัวเองไม่ใช่แค่วัดแค่ก้าวเดินหรือแคลอรี

แถมยังสร้างความแตกต่างจากสมาร์ทวอทช์ทั่วไปตรงที่ ไม่มีหน้าจอ ซึ่งมองว่าหน้าจอนั้นเป็นสิ่งที่รบกวนสมาธิ เลยใช้วิธีเก็บข้อมูลเชิงลึก แล้วแสดงผลผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือแทน

  • วัดการฟื้นตัว (Recovery Score): ใช้ข้อมูลจากการเต้นของหัวใจ (HRV), คุณภาพการนอน, และอัตราการเต้นหัวใจขณะพัก เพื่อบอกว่าวันนี้ร่างกายพร้อมออกกำลังกายหนักแค่ไหน
  • วิเคราะห์การนอน: รายงานละเอียดทั้งคุณภาพการนอน, ระยะเวลานอนลึก, REM, และประสิทธิภาพการพักผ่อน
  • วัดการใช้แรง (Strain Score): วิเคราะห์ความหนักของการออกกำลังกายหรือกิจกรรมในแต่ละวัน เพื่อแนะนำสมดุลระหว่างการฝึกและการพัก

นอกจากนั้นในรุ่นใหม่ๆ ได้เพิ่ม WHOOP Coach ซึ่งเป็นโค้ชสุขภาพและการออกกำลังกายที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI จาก OpenAI เพื่อให้คำแนะนำที่ปรับให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนโดยเฉพาะ โดยใช้ข้อมูลชีวภาพและพฤติกรรมของผู้ใช้ร่วมกับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ด้านสมรรถภาพ

ทำไม WHOOP ถึงโด่งดังขึ้นมา

ในช่วงแรกนั้น เขาเจาะกลุ่มไปที่นักกีฬามืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา NBA, NFL, PGA Tour, F1 และ CrossFit athlete ที่น่าสนใจคือนักกีฬาชื่อดังอย่าง LeBron James, Michael Phelps และ Cristiano Ronaldo ส่งผลให้แบรนด์ถูกมองว่าเป็นอุปกรณ์ระดับโปร

สิ่งที่ทำให้ WHOOP กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างคือ ได้รับการอนุมัติจาก MLB ให้ผู้เล่นสามารถสวมใช้งาน WHOOP Strap ระหว่างแข่งขันจริงได้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2017 นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพสวมใส่ตลอดเวลาได้รับการอนุมัติให้ใช้ในเกมกีฬาอาชีพในสหรัฐ

มีผู้เล่นกว่า 200 คนจาก 28 ทีมในลีกรอง (minor league) เข้าร่วม ใช้อุปกรณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นในสนามแข่งขัน ผลจากการเก็บข้อมูลทำให้ประสิทธิภาพในสนามดีขึ้น, นักกีฬานอนพักเฉลี่ยน้อยลงประมาณ 40 นาทีต่อคืนหลังเดินทาง, นักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บโดยมากมี Recovery Score ลดลงอย่างต่อเนื่องก่อนเกิดอาการบาดเจ็บ

ทำไม WHOOP ถึงกลายเป็นเครื่องแสดงสถานะของชนชั้น?

เนื่องจาก WHOOP ไม่ได้วางตำแหน่งในตลาดให้เป็นแค่ “แก็ดเจ็ตเพื่อสุขภาพ” แต่ถูกสร้างภาพให้เป็น “เครื่องหมายบ่งบอกไลฟ์สไตล์” คล้ายกับที่ Apple Watch หรือ Peloton เคยทำสำเร็จมาก่อน ส่วนสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ Whoop กลายเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้น มีดังนี้:

  1. การจ่ายแบบสมัครสมาชิก (Subscription Model) WHOOP ไม่ขายขาด ผู้ใช้ต้องสมัครสมาชิกแบบรายเดือน/รายปีถึงจะใช้งานได้ ซึ่งค่าบริการแบบถูกสุด เริ่มต้นเดือนละ 800 บาท ไม่ใช่แค่จ่ายเงินซื้อครั้งเดียวแล้วจบ แต่ต้อง “จ่ายเงินต่อเนื่อง” ซึ่งคัดกรองคนที่มีกำลังซื้อสูงกว่าให้มาใช้บริการ
  2. การตลาดที่จับกลุ่มนักกีฬาและคนดัง ตัวแบรนด์ทำการตลาดกับนักกีฬาอาชีพ, ดารา, นักลงทุนในวงการเทคโนโลยีที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก ทำให้ใครใส่ WHOOP มักถูกมองว่าอยู่ในกลุ่ม “คนจริงจังเรื่องสุขภาพ” หรือ “คนที่มีความเป็น exclusive”
  3. ได้รับความนิยมในกลุ่มคนมีอิทธิพล (Social Proof) พอเห็นนักกีฬา NBA, นักวิ่งมาราธอน, CEO ของบริษัทเทคโนโลยีใส่ ก็เรียกว่าช่วยืนยันถึงความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี ส่วนคนทั่วไปก็รับรู้ว่า “ใครมี WHOOP = อยู่ในวงการที่เข้าถึงได้ยาก”
  4. ดีไซน์ที่เรียบหรูเหมือนเครื่องประดับ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่อยากใส่นาฬิกาหรู แต่ยังต้องการอุปกรณ์เพื่อแทร็กการใช้ชีวิตได้ ซึ่งถ้าแทร็กด้วย Smart Watch ปกติ ก็ไม่สามารถใส่นาฬิกาหรูแสดงฐานะได้ และคนที่เห็น WHOOP จะรู้ทันทีว่า “นี่คือสายรัดสุขภาพราคาแพงที่ต้องเสียค่าสมาชิก”
  5. คอนเทนต์ที่ขายความรู้สึกเหนือกว่า ด้วย Community ที่แข็งแรง ทางแบรนด์จึงพัฒนาคอนเทนต์ออนไลน์ และ Podcast ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง WHOOP สื่อสารว่า “คุณไม่ได้แค่ติดตามสุขภาพ แต่คุณอยู่ในกลุ่มที่เข้าใจการฝึก การพัก การใช้ร่างกายในเชิงวิทยาศาสตร์” นั่นเลยกลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ว่า คุณไม่ใช่แค่คนทั่วไป แต่คือ “biohacker / elite athlete minded”

ปัจจุบัน WHOOP มีมูลค่า 3.6 พันล้านเหรียญ มีฐานผู้ใช้ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วสามารถสอดแทรกในตลาดที่ Apple, Fitbit หรือ Nike เคยครองตลาด เรียกว่าเข้ามาเปลี่ยนเกมด้วยการใช้ Data และข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำ พูดง่ายๆ คือ WHOOP ไม่ได้ขาย “สายรัดสุขภาพอัจฉริยะ” แต่ขาย ครื่องมือวัดศักยภาพร่างกายและการฟื้นตัวแบบนักกีฬาอาชีพ เมื่อมารวมกับเทรนด์สุขภาพมาแรง ทำให้กลายเป็นที่นิยมในกลุ่มสายฟิตเนส นักกีฬา และคนรักสุขภาพมากขึ้น

ที่มา whoop whoop whoop nogood

นักเขียนสาย Introvert ที่ชื่นชอบเรื่องนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ใช้เวลาว่างกับ มังงะ, เสียงเพลงและ idol

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...