เปิดตัว Red Hat AI Inference Server และ Red Hat Enterprise Linux 10 ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน AI

THE SUMMARY:

เร้ดแฮท (Red Hat) ผู้ให้บริการโซลูชันโอเพ่นซอร์สระดับโลก ได้เปิดตัว Red Hat Enterprise Linux 10 (RHEL 10) ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดของแพลตฟอร์ม Linux สำหรับองค์กร การเปิดตัวครั้งนี้มุ่งตอบสนองความต้องการของสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดคลาวด์ที่ซับซ้อนและการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดย RHEL 10 ได้นำเสนอคุณสมบัติเด่น 3 ด้าน คือ การจัดการระบบที่ชาญฉลาดขึ้นด้วย AI, การเสริมความปลอดภัยเพื่อรองรับภัยคุกคามในอนาคต และการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจร

Red Hat AI: อนาคตแห่ง AI ที่เปิดกว้าง

สุพรรณี อำนาจมงคล ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Red Hat
สุพรรณี อำนาจมงคล ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Red Hat

เร้ดแฮทมุ่งมั่นที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าสามารถรัน AI Workload ได้ในแนวคิด “Any model, any accelerator, any cloud” ซึ่งสอดคล้องกับ DNA ของ Red Hat ในการเป็นเทคโนโลยีแบบเปิด กลุ่มผลิตภัณฑ์ Red Hat AI ที่ประกาศในงาน Summit ประกอบด้วย:

ส่วนประกอบของ Red Hat AI
ส่วนประกอบของ Red Hat AI

Red Hat AI Inference Server: เป็นเซิร์ฟเวอร์อนุมานระดับองค์กรที่ขับเคลื่อนโดย vLLM ซึ่งเป็นโปรเจกต์โอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดย University of California, Berkeley โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนของการอนุมาน AI ที่ระดับองค์กร ด้วยการบีบอัดโมเดล AI ให้เล็กลง และใช้ทรัพยากร GPU อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Red Hat AI Inference Server ได้รับการผสานรวมกับเทคโนโลยี Neural Magic เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ และรองรับการทำงานร่วมกับ AI accelerators หลากหลายจาก NVIDIA, Intel, AMD, Google Cloud TPUs, และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมโมเดลที่ผ่านการตรวจสอบและปรับแต่งประสิทธิภาพบน Hugging Face เพื่อเร่งความเร็วการอนุมานได้ 2-4 เท่า

Red Hat AI Inference Server
Red Hat AI Inference Server

Red Hat Enterprise Linux AI (RHEL AI): เป็นแพลตฟอร์มรากฐานสำหรับพัฒนา ทดสอบ และรัน Large Language Models (LLMs) เพื่อขับเคลื่อนแอปพลิเคชันระดับองค์กร RHEL AI มาพร้อมกับ Red Hat AI Inference Server, เครื่องมือ InstructLab สำหรับปรับแต่งโมเดล, และ bootable image ของ Red Hat Enterprise Linux ที่รวมไลบรารี AI ยอดนิยม เช่น PyTorch และไดรเวอร์สำหรับ accelerators

Red Hat OpenShift AI: แพลตฟอร์มระดับองค์กรที่ต่อยอดจาก Red Hat OpenShift ให้รองรับการพัฒนา ปรับใช้ และบริหารจัดการโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML) อย่างครบวงจรในสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud) รวมทั้งมีฟีเจอร์สำหรับ MLOps และ LLMOps ช่วยให้องค์กรสามารถทำงานกับโมเดลเชิงคาดการณ์ (predictive AI) และ generative AI ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมี OpenShift Virtualization ที่สามารถใช้งานแทนซอฟต์แวร์ Virtualization ในบางความสามารถได้ โดยเฉพาะองค์กรที่ต้องการรวม container และ VM ไปสู่แพลตฟอร์มเดียว ลดความซับซ้อนและต้นทุนระยะยาว

Red Hat OpenShift Virtualization
Red Hat OpenShift Virtualization

Red Hat Enterprise Linux Lightspeed ลดปัญหาขาดแคลนทักษะ Linux

ฟีเจอร์ใหม่ที่ Red Hat Enterprise Linux 10 (RHEL 10) นำเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาช่องว่างด้านทักษะที่สำคัญในการดูแลระบบ Linux โดยได้นำเทคโนโลยี Generative AI (Gen AI) มาผสานรวมไว้ภายในแพลตฟอร์ม RHEL 10 โดยตรง Lightspeed ทำงานเป็นเหมือนผู้ช่วย AI ที่ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และเข้าใจบริบทผ่านอินเทอร์เฟซภาษาธรรมชาติ (natural language interface) ซึ่งดึงเอาความรู้เฉพาะทางด้าน Linux ระดับองค์กรที่ Red Hat สั่งสมมานานหลายทศวรรษมาช่วยในการทำงานต่างๆ จุดประสงค์หลักคือการ ลดปัญหาการขาดแคลนทักษะด้าน Linux ที่องค์กรกำลังเผชิญหน้า และ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ระบบ Red Hat Enterprise Linux ขนาดใหญ่ ให้กับผู้ดูแลระบบ IT ทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ โดยนำความช่วยเหลือที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้ส่งตรงไปยัง command line ใน Red Hat Enterprise Linux 10

นอกจากนี้ Red Hat Enterprise Linux Lightspeed ยังถูกนำมาใช้ใน Red Hat Insights image builder package recommendations ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถค้นพบแพ็คเกจที่มีฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานเฉพาะ สิ่งนี้ช่วยให้ทีมสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับแพ็คเกจได้ดีขึ้นและปรับแต่งได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการสร้างโซลูชัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝังระบบอัจฉริยะ (intelligence) เข้าไปในวงจรชีวิตของการจัดการ RHEL ตั้งแต่ต้น เพื่อสร้างรากฐานที่ยืดหยุ่นสำหรับการนำ AI ไปใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

เสริมความปลอดภัยเพื่ออนาคต

RHEL 10 เป็น enterprise Linux distribution แรกที่นำมาตรฐาน การเข้ารหัสหลังยุคควอนตัม (post-quantum cryptography) จากสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐฯ (NIST) มาปรับใช้ แนวทางเชิงรุกนี้มีขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีในรูปแบบ “harvest now, decrypt later” ซึ่งอาชญากรไซเบอร์จะเก็บข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ในปัจจุบันเพื่อรอถอดรหัสในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้งมีความพร้อมมากขึ้น โดย RHEL 10 มีการผสานรวม อัลกอริธึมที่ทนทานต่อควอนตัม (quantum-resistant algorithms) เพื่อลดความเสี่ยงของการถอดรหัสข้อมูลที่ถูกจัดเก็บไว้ในปัจจุบัน รวมถึง post-quantum signature schemes เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์และความถูกต้องของชุดซอฟต์แวร์และใบรับรอง TLS (Transport Layer Security)

Red Hat เน้นย้ำว่าระบบปฏิบัติการ (OS) ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ใกล้ชิดกับฮาร์ดแวร์มากที่สุด ควรเป็นสิ่งแรกที่ได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามควอนตัม

Red Hat Summit Connect: Bangkok

Red Hat Summit Connect: Bangkok
Red Hat Summit Connect: Bangkok

เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากงาน Boston และให้ลูกค้าในภูมิภาคได้เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากขึ้น เร้ดแฮทได้เลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน Red Hat Summit Connect: Bangkok ในวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรม InterContinental Bangkok โดยจะมีกิจกรรมเสริมอย่าง Telco Day ในวันที่ 8 ตุลาคม เพื่อเจาะลึกกรณีการใช้งานเฉพาะทางในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และ Executive Exchange ในวันที่ 9 ตุลาคม เพื่อให้ผู้บริหารได้แลกเปลี่ยนมุมมอง ในงานนี้จะมีการมอบรางวัล Red Hat Innovation Award ให้กับลูกค้าที่ประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีของ Red Hat ไปใช้งานอีกด้วย

โดย RHEL 10 ได้เปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว (generally available) ผ่าน Red Hat Customer Portal และสำหรับนักพัฒนาผ่านโปรแกรม Red Hat Developer โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

บรรณาธิการ CEEi ดูแลเนื้อหาด้านเทคโนโลยี Gadget ทุกประเภท

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...