
หลังจากเมื่อปีที่แล้ว Canva เจ้าของแพลตฟอร์มออกแบบออนไลน์ชื่อดังเข้าซื้อบริษัท Serif (Europe) Ltd. เจ้าของชุดซอฟต์แวร์ Affinity ที่ใช้แทนโปรแกรมของ Adobe ได้ วันนี้หลังจากผ่านมาปีกว่า Affinity ออกเวอร์ชันใหม่ภายใต้ร่มเงาของ Canva เป็นครั้งแรก ซึ่งความเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ คือยุบ 3 โปรแกรมแยกให้กลายเป็นโปรแกรมเดียว และออกเป็นเวอร์ชันฟรีตั้งแต่ต้น แต่ก็มีความสามารถเสริมของ Canva AI ที่ต้องสมัครสมาชิก Canva
แต่เดิมนั้นชุดโปรแกรม Affinity ประกอบด้วย 3 สมาชิกคือ
การเปลี่ยนแปลงของ Affinity 3 คือไม่มีการแยก 3 โปรแกรมอีกแล้ว ผู้ใช้สามารถสลับการใช้งานไปมาผ่านแท็บ Vector, Pixel และ Layout ในโปรแกรมเดียวได้ทันที และมีแท็บใหม่เพิ่มขึ้นมาคือ Canva AI ที่สามารถใช้เอไอของแคนวามาเจนรูปได้เลย
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้ใช้ เพราะลดความซับซ้อนของการลงโปรแกรมหลายตัวลง การใช้งานต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียวกัน และกินแรมน้อยลงด้วย เพราะเปิดโปรแกรมเดียวจบ
แม้จะเปิดให้ใช้ฟรี แต่ Affinify ก็ยังเป็นโปรแกรมสำหรับทำกราฟิกในระดับมืออาชีพอยู่ดี ในส่วนที่ผู้ใช้ทั่วไปเริ่มต้นง่ายที่สุดคือแท็บ Pixel ก็สามารถเปิดรูปและแก้ไขแบบ Layer แถมยังสามารถเปิดไฟล์ PSD ของ Photoshop มาแก้ไขได้ด้วย แต่แนวคิดการทำงานของ Affinify จะเป็นการทำงานแบบ Non-destructive editing คือจะคงไฟล์ต้นฉบับเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานแก้ไขไปได้เรื่อย ๆ โดยคุณภาพไฟล์ไม่เสีย เช่นการใส่ฟิลเตอร์เบลอผ่าน Live Filter ก็จะใส่เป็นเลเยอร์ระบุความเบลอไว้ เมื่อไม่ต้องการเบลอแล้วก็เอาฟิลเตอร์ออก ก็จะได้ภาพเดิมกลับมา ถ้าเป็น Photoshop แล้วไปใส่ฟิลเตอร์เบลอที่ตัวภาพโดยตรง จะไม่สามารถลบความเบลอออกภายหลังได้
นอกจากนี้ Affinify ยังสามารถเปิดไฟล์ RAW จากกล้องได้ในตัว ทำให้สามารถปรับแต่งสีและแสงอย่างละเอียดได้ก่อนที่จะกด Develop เพื่อกลายเป็นรูปสำหรับใช้ต่อ หรือจัดการกับข้อความภาษาไทยได้ทันที ซึ่งเราเทสต์กับฟอนต์ที่ใช้ประจำ ตัววรรณยุกต์ก็นั้นไม่เด้ง
และการทำงานในส่วนของ Vector ก็สามารถเปิดไฟล์ AI ของ illustrator มาแก้ไขหรือสร้างงานใหม่ได้เลย หรือจะเปิดไฟล์ IDML ของ InDesign มาแก้ไขในงานส่วน Layout ก็ได้
เราสามารถใช้ความสามารถทุกอย่างของตัวโปรแกรม Affinify ได้ ยกเว้นความสามารถของ Canva AI เช่นการเจนรูป เจน Vector หรือ Generative Fill, เติมขอบรูป หรือ Portrait Blur และอื่น ๆ จะต้องเป็นสมาชิก Canva Pro ถึงจะใช้ได้ โดยเสียค่าสมาชิก 230 บาท/เดือน หรือ 1,850 บาท/ปี ซึ่งนอกจากจะใช้ Affinity ได้แล้ว ก็ยังใช้ Canva Pro ได้ด้วย
สามารถดาวน์โหลด Affinity ทั้ง macOS และ Windows ได้เลย ส่วนเวอร์ชันสำหรับ iPad จะตามมาภายหลัง






