ทนายสหรัฐฯ เจอปรับ 10,000 เหรียญ หลัง ChatGPT เตรียมข้อมูลเท็จยื่นอุทธรณ์คดี

ทนายความรายหนึ่งในแคลิฟอร์เนียถูกสั่งปรับเป็นเงิน 10,000 เหรียญ (320,000 บาท) หลังใช้ ChatGPT จัดทำข้อมูลยื่นอุทธรณ์คดี แต่กลับมีข้อมูลเท็จรวมอยู่ด้วย

ปัจจุบันศาลทั่วสหรัฐฯ รายงานว่ามีทนายความจำนวนมากหันมาใช้ AI เพื่อการวิจัยข้อมูล แต่หลายครั้งกลับพบว่า AI อ้างอิงคดีปลอม ส่งผลให้ผู้พิพากษาถูกกดดันให้วางกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงออกคำเตือนให้ทนายความหลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลอ้างอิงที่ไม่ได้ตรวจสอบด้วยตนเองในเอกสารทางกฎหมาย

เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ศาลอุทธรณ์เขตที่ 2 ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยการสั่งปรับทนายความอามีร์ โมสตาฟาวี เป็นเงิน 10,000 เหรียญ (320,000 บาท) หลังตรวจสอบพบว่า เอกสารที่ใช้ยื่นอุทธรณ์คดี มีการอ้างอิงที่เป็นเท็จถึง 21 รายการ จากทั้งหมด 23 รายการ นี่ถือเป็นบทลงโทษที่รุนแรงที่สุดที่เคยมีต่อการนำ AI มาใช้อย่างไม่เหมาะสมในระบบศาลของรัฐแคลิฟอร์เนีย

หลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงปัญหาที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นศาลของรัฐแคลิฟอร์เนียที่เตรียมกำหนดแนวทางที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งห้ามใช้ AI หรือออกนโยบายเฉพาะภายในเดือนธันวาคมนี้ ในขณะที่สภาทนายความของรัฐก็กำลังทบทวนจรรยาบรรณเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว

อามีร์ โมสตาฟาวี ทนายความผู้ถูกปรับ ระบุว่า เขาใช้ AI เพื่อลบข้อมูลบางส่วนที่เขาเขียนเอง แต่ไม่ได้ตรวจสอบการอ้างอิงซ้ำอีกครั้ง เขายอมรับว่าไม่ทราบว่า ChatGPT สามารถสร้างข้อมูลคดีขึ้นมาเอง ได้ ทำให้ต้องเสียค่าปรับจำนวนมหาศาล

อามีร์เปรียบเทียบการใช้ AI ว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านจากการใช้หนังสือกฎหมายไปสู่ฐานข้อมูลดิจิทัล แต่ย้ำว่าต้องใช้อย่างระมัดระวัง

กรณีนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรก มีรายงานคดีคล้ายกันมากกว่า 600 ครั้งทั่วสหรัฐฯ และกว่า 50 คดีเกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียเพียงรัฐเดียว แนวโน้มปัญหานี้ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือนก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางในแคลิฟอร์เนียเคยสั่งปรับสำนักงานกฎหมายสองแห่งรวม 31,000 เหรียญ (990,000 บาท) จากการใช้ข้อมูล AI ที่เป็นเท็จ

ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายออกมาเตือนว่า ทนายความจำนวนมากยังไม่เข้าใจการทำงานของ AI และเสี่ยงต่อ “ความหลอน” หรือข้อความเท็จที่ดูน่าเชื่อถือ พร้อมแนะนำให้มีการอบรมที่เหมาะสมสำหรับทนายความที่ต้องการใช้ AI รวมถึงแสดงความกังวลหากผู้พิพากษานำข้อมูลเท็จเหล่านี้ไปอ้างอิง อาจทำให้ปัญหาซึมลึกไปถึงคำตัดสินทางกฎหมาย

นี่ถือเป็นสัญญาณเตือนชัดเจนว่า แม้ AI จะช่วยประหยัดเวลา แต่ไม่สามารถทดแทนบทบาทของทนายความได้ ผู้ใช้ยังคงต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบข้อมูล หากละเลย อาจต้องเผชิญทั้งค่าปรับมหาศาล ความเสียหายต่อชื่อเสียง และผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือทางวิชาชีพในระยะยาว

ที่มา gizchina

dailygizmo

นักเขียนสาย Introvert ที่ชื่นชอบเรื่องนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ใช้เวลาว่างกับ มังงะ, เสียงเพลงและ idol