British Standards Institution (BSI) เผยผลการศึกษาใน 7 ประเทศ พบว่า Gen Z กำลังเผชิญ “วิกฤตงาน” เนื่องจากผู้นำธุรกิจทั่วโลกเลือกลงทุนใน AI มากกว่าการจ้างพนักงานใหม่เพื่อลดต้นทุน
ผลสำรวจนี้สอบถามความคิดเห็นจากผู้นำธุรกิจกว่า 850 รายใน 7 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย จีน และญี่ปุ่น รายงานระบุว่า ผู้นำองค์กรจำนวนมากให้ความสำคัญกับการนำระบบอัตโนมัติและ AI มาใช้เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพ แทนที่จะลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานระดับเริ่มต้น
นอกจากนั้นผลสำรวจยังพบว่า ผู้นำธุรกิจ 39% ยอมรับว่าตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นบางส่วนถูกตัดออกไปแล้ว เพราะ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้านธุรการ การวิจัย และการบันทึกข้อมูล
ขณะที่ผู้บริหารเกินครึ่งระบุว่าพวกเขารู้สึก “โชคดี” ที่เริ่มอาชีพก่อนยุค AI และผู้บริหาร 53% เชื่อว่าประโยชน์ของ AI ต่อองค์กรจะมีมากกว่าผลกระทบด้านแรงงาน ทั้งหมดสะท้อนถึงความท้าทายที่คนรุ่น Gen Z (เกิดระหว่างปี 1997–2012) ต้องเผชิญในช่วงที่ตลาดแรงงานกำลังชะลอตัว
ธุรกิจในสหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในกลุ่มที่นำ AI มาใช้เร็วที่สุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และอุดช่องว่างด้านทักษะ โดย 76% ของผู้นำคาดว่าเทคโนโลยีใหม่จะสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ภายใน 12 เดือน
การวิเคราะห์รายงานประจำปีของ BSI ยังเผยว่า คำว่า “ระบบอัตโนมัติ” ปรากฏในรายงานของบริษัทบ่อยกว่าคำว่า “การพัฒนาทักษะ” หรือ “การฝึกอบรมใหม่” หลายเท่า สะท้อนแนวโน้มที่องค์กรให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากกว่าการพัฒนาคน
ในขณะเดียวกัน ผลสำรวจจากสภาคองเกรสสหภาพแรงงานของสหราชอาณาจักรพบว่า 50% ของแรงงานกังวลว่า AI อาจกระทบต่ออาชีพของตนเอง ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางภาวะตลาดแรงงานที่ชะลอตัว อัตราการว่างงานแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ 4.7% แม้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการเพิ่มขึ้นนี้ยังไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้ AI
ที่มา theguardian