จอฟ้า ถือเป็นหนึ่งในไอคอนของ Windows ที่หลายคนคุ้นเคยมาตั้งแต่ยุค 80s ซึ่งจะเจอเป็นประจำเมื่อคอมพิวเตอร์ค้าง ล่าสุดทางไมโครซอฟท์ได้ประกาศปลดระวางหลังใช้มานานกว่า 40 ปี เปลี่ยนมาเป็นจอดำบน WIndows 11 แทน “จอฟ้ามรณะ” มีมาตั้งแต่ Windows เวอร์ชันแรกในปี 1985 ซึ่งตั้งชื่อตามสีฟ้าของหน้าจอ หน้าจอนี้จะแสดงขึ้นเมื่อระบบปฏฺบัติการเกิดข้อขัดข้อง โดยในแต่ละเวอร์ชันก็จะแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่คนรุ่นหลังๆ จำได้แม่นก็คือ อีโมจิรูปคนปากแบะ 🙁 แต่ใน WIndows 11 จอฟ้านี้กำลังจะหายไป ถูกแทนที่ด้วย
ดูเหมือนว่า Microsoft จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ใช้งาน Windows ดาวน์โหลดเบราเซอร์คู่แข่งอย่าง Chrome ลงเครื่อง ก่อนหน้านี้ Microsoft เคยทำป๊อปอัปบน Bing ไม่ให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนเบราเซอร์ไปใช้ Chrome และนั่นไม่ใช่แค่นั้น
เมริลล์ เฟอร์นันโด (Merill Fernando) ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ระดับอัาวุโส (senior) ของบริษัท บอกเองว่า macOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ดีกว่า Windows 11 เสียอีก
Huawei เปิดตัวระบบปฏิบัติการสำหรับพีซีของบริษัทอย่างเป็นทางการกับ HarmonyOS PC หรือในประเทศจีนจะเรียกกันตามภาษาท้องถิ่นว่า Hongmeng Computer ซึ่ง HarmonyOS นับเป็นการเปลี่ยนแปลงกลยุทธิ์ครั้งสำคัญของบริษัทที่ลดการพึ่งพาซอฟต์แวร์จากชาติตะวันตกอย่าง Windows
Microsoft พยายามโน้มน้าวให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนมาใช้บริการใหม่ ๆ ของบริษัท อย่างการโน้มน้าวให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนจาก Office มาเป็น Microsoft 365 พร้อมกับยืนยันว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่า กับ Windows 11 เองก็เช่นเดียวกัน
ไม่น่าเชื่อว่าไมโครซอฟท์วันนี้จะมีอายุครบ 50 ปีแล้ว เชื่อว่าหลายๆโปรแกรมของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้นั้นอยู่ในช่วงชีวิตของเรา วันที่ CEEi จะพาย้อนไปรำลึกถึง 6 นวัตกรรมเด็ดของไมโครซอฟท์ที่มาปฏิวัติเทคโนโลยี เปลี่ยนโลกนี้ให้ชีวิตของเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 1.MS-DOS สิ่งที่ทำให้หลายคนรู้จักไมโครซอฟท์ ก็คือ ระบบปฏิบัติการ MS-DOS ย่อมาจาก Microsoft Disk Operating System ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1981 ที่ติดตั้งมาในคอมพิวเตอร์ IBM ด้วยรูปแบบการป้อนคำสั่งแบบ Command line จริงๆแล้วไมโครซอฟท์ไม่ได้พัฒนาเองทั้งหมด แต่ไปซื้อระบบปฏิบัติการจากบริษัท SCP (Seattle
Microsoft พยายามรุกอย่างหนักในการขยายการใช้งาน AI ด้วยการลดราคาค่าบริการ AI ที่สามารถใช้เหตุผลระดับสูง เปิดให้ใช้งานโมเดล o1 ของ OpenAI แบบไม่จำกัดผ่านฟีเจอร์ “Think Deeper” ของ Copilot ที่สำคัญบังเปิดให้ใช้งานฟรีด้วย OpenAI เปิดตัวโมเดล o1 เมื่อเดือนธันวาคมที่แล้วซึ่งเขาเคลมว่า โมเดลนี้จะเป็นโมเดลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่มี แต่การใช้งานก็ต้องสมัครใช้บริการ ChatGPT Pro ซึ่งต้องจ่ายค่ารายเดือนสูงถึง 200 ดอลลาร์ ส่วนใครที่งบจำกัดก็ต้องสมัครใช้บริการ ChatGPT Plus
หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อโครงการอย่าง Winlator ซึ่งช่วยให้รันซอฟต์แวร์ Windows x86 และ x64 บน Android ได้ ล่าสุดทาง Xiaomi เปิดเผยว่ากำลังพัฒนาให้อุปกรณ์ Android รองรับการเล่นเกม Windows ได้ WinPlay Engine มุ่งเป้าไปที่เกมโดยเฉพาะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วซอฟต์แวร์ Windows จะใช้ทรัพยากรเครื่องสูงที่สุด แต่ด้วยแพลตฟอร์มนี้ระบุว่าใช้ประสิทธิภาพของ GPU กินทรัพยากรแค่ 2.9% เท่านั้น ซึ่งการทำงานนั้นเป็นโซลูชันบนอุปกรณ์ทั้งหมด ทำให้ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็สามารถทำงานได้
หลังจากที่ Apple ปล่อย macOS Sequoia 15.1 ให้ใช้งานฟีเจอร์ Apple Intelligence กลุ่มแรกบน Mac แล้ว ยังมีข่าวดีสำหรับผู้ใช้ Parallels Desktop ที่สามารใช้ฟีเจอร์ AI บางอย่างของ Apple บน Windows ด้วย Parallels ได้ประกาศผ่านบล็อกของตัวเองว่า ผู้ใช้ Windows บน macOS 15.1 ผ่าน
ใครที่ใช้งาน ChatGPT บน WIndows เป็นประจำ ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องใช้ผ่านหน้าเว็บแล้ว สามารถโหลดแอปมาใช้งานได้เหมือน macOS แต่ยังจำกัดเฉพาะผู้ที่สมัคร ChatGPT Plus ใช้ได้ก่อน OpenAI ประกาศผ่านโพสต์ X ว่าผู้ใช้ Windows สามารถเริ่มทดสอบเวอร์ชันแรกของแอปเดสก์ท็อป Windows ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวเลือกนี้จะใช้งานได้เฉพาะกับผู้ใช้ ChatGPT Plus, Enterprise และ Education เท่านั้น oyjoหมายความว่าคนที่ต้องการใช้แอปบน Windows
