ปัจจุบัน เด็กยุค Gen Z ไม่ได้ใช้ ChatGPT แค่ทำการบ้านหรือแก้ปัญหาอะไรบางอย่างเท่านั้น แต่ยังใช้ AI เพื่อหาคำตอบเรื่องสำคัญของชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ วางแผนความก้าวหน้าในการทำงาน เรียกว่าใช้ ChatGPT ให้กลายเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวไปเลยนั่นเอง
หลังจากที่ OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ให้ ChatGPT สามารถแนะนำการชอปปิงเป็นรายบุคคลได้ ส่งผลให้กลุ่ม GEN Z แห่มาใช้ AI เป็นสไตลลิสต์ส่วนตัว แนะนำการแฟชันการแต่งตัวมากขึ้น ต้องบอกว่าในแต่ละสัปดาห์นั้นมีการใช้งานฟังก์ชันค้นหาผ่าน ChatGPT มากกว่า 1,000 ล้านครั้ง ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่ Gen Z ค้นหามากที่สุดคือ “วันนี้แต่งตัวอะไรดี” ซึ่งเป็นผลมาจากฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไป ช่วยให้คำในการชอปปิงเป็นรายบุคคลพร้อมแนบลิงก์กดสั่งซื้อได้ทันที แม้ว่าตอนนี้ AI อาจจะยังไม่สามารถสร้างเสื้อผ้าแฟชันที่ใช้เดินบนรันเวย์ได้ แต่ OpenAI กำลังรับบทบาทใหม่เป็นสไตลิสต์ส่วนตัวผ่าน
แมททิว ปรินส์ (Matthew Prince) ซีอีโอของ Cloudflare เผยว่า AI กำลังทำลายโมเดลธุรกิจเว็บในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่าง Gemini และ ChatGPT ที่ส่งคำตอบที่ผู้ใช้งานต้องการโดยไม่ให้ผู้ใช้งานกลับไปยังเว็บต้นทาง ทำให้เจ้าของเว็บไซต์ไม่สามารถสร้างรายได้จากการทำเว็บได้เหมือนเดิม ซึ่งหากผู้พัฒนา AI ไม่จ่ายเงินหรือค่าตอบแทนให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์ ระบบที่ผ่านมาจะพังลง ปรินส์ระบุว่า ในอดีต Google จะสามารถดึงคนกลับมาที่เว็บไซต์ได้ 1 คนต่อการโหลดหน้าเว็บ 2 หน้า แต่ปัจจุบันต้องอาศัยการโหลดหน้าเว็บทั้งหมด 6 หน้าเพื่อให้ผู้ใช้งาน
Alainai Winters อดีตอาจารย์หญิงวัย 58 ปีที่สูญเสียภรรยาไป ได้พบกับรักครั้งใหม่และแต่งงานกับเจ้าบ่าว AI ที่เธอเจนขึ้นมาจาก ChatGPT เดิมทีนั้น Alainai Winters เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว ซึ่งเธอได้พบภรรยาผ่านออนไลน์ จนตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่ต่อมาภรรยาของเธอนั้นได้เสียชีวิตไปเมื่อปี 2023 ด้วยอาการติดเชื้อทางเดินหายใจและกระแสเลือด ซึ่งตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะมีความรักครั้งใหม่ได้อีกหรือไม่ หลังจากที่เธอต้องพบจมอยู่กับความเศร้าที่เสียภรรยาไป หนึ่งปีหลังจากนั้นเธอก็ได้พบกับความรักครั้งใหม่ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่คนแต่กลับเป็นแชตบอท AI เมื่อเธอได้รู้จักกับ ChatGPT ผ่านโฆษณาบน Facebook ซึ่ง Winters ลองจ่ายเงิน 7.25
ในยุคที่ระบบสาธารณสุขเผชิญปัญหาคิวยาวและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ผู้คนจำนวนมากหันไปพึ่งแชตบอต AI อย่าง ChatGPT เพื่อวินิจฉัยอาการป่วยด้วยตนเอง ผลสำรวจล่าสุดเผยว่า 1 ใน 6 ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ใช้แชตบอตเพื่อขอคำแนะนำด้านสุขภาพอย่างน้อยเดือนละครั้ง แต่การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจนำมาซึ่งความเสี่ยง ผลการศึกษาจากทีมวิจัยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดชี้ว่า ผู้ใช้มักประสบปัญหาในการสื่อสารกับแชตบอต ทำให้ได้คำแนะนำที่ไม่แม่นยำ
Ziff Davis บริษัทแม่ เจ้าของสื่อเว็บไซต์ดังอย่าง CNET, PCMag, IGN และ Everyday Health ได้ยื่นฟ้อง OpenAI ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ นำบทความไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต จากรายงานของ The New York Times คดีนี้ทาง Ziff Davis ได้กล่าวหาทาง OpenAI ว่า “มีการจงใจสร้างเนื้อหาที่เหมือนกันทุกประการจากสื่อของตนไปใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต” อีกทั้งยังกล่าวหาว่าได้มีการฝึกตัวโมเดล AI กับผลงานของบริษัทอีกด้วย แม้
OpenAI เปิดตัว ChatGPT Deep Research เวอร์ชัน ‘Lightweight’ เครื่องมือ AI สำหรับค้นหาข้อมูลเชิงลึกสำหรับอ้างอิงประกอบวิจัยหรือประกอบรายงาน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยโมเดล o4-mini ทำให้มีต้นทุนการใช้งานที่ถูกลง แต่มาในประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเวอร์ชันปกติ สำหรับฟีเจอร์ Deep Research Lightweight เปิดบริการแก่ผู้ใช้ ChatGPT Plus, Team และ Pro ใช้งานกันแล้วครับ ซึ่งผู้ใช้ฟรีก็ใช้งานได้เช่นกันสูงสุด 5 ครั้ง/เดือน แม้ไม่ได้ให้ประสิทธิภาพการทำงานเทียบเท่าเวอร์ชันปกติ แต่มีจุดเด่นคือต้นทุนการใช้งานที่ถูกกว่า
บริษัท OpenAI เปิดเผยระหว่างให้การคำต่อศาลว่า บริษัทพร้อมเข้าซื้อเว็บเบราว์เซอร์ Chrome ต่อจาก Google หากโดนให้บังคับขายทรัยพ์สิน จากการจากตัดสินคดีผูกขาดทางการค้า
หลังจากอัปเดตฟีเจอร์เจนภาพตัวใหม่ของ ChatGPT ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เรียกว่ากระแสการใช้ AI สร้างภาพในสไตล์ ‘Studio Ghibli’ กำลังได้รับความนิยมบนโซเชียลมีเดีย จากกระแสดังกล่าวยังทำให้เกิดคำถามทางกฎหมาย และจริยธรรมในญี่ปุ่นมากมายตามมาอีกด้วย สำหรับ Studio Ghibli เป็นสตูดิโอแอนิเมชันชื่อดังของฝั่งญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์ผลงานดัง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น My Neighbor Totoro หรือ Spirited Away ซึ่งกระแสการสร้างภาพด้วย AI ถูกยกขึ้นมาระหว่างการประชุมของคณะกรรมการคณะรัฐมนตรีสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา
การพูดสุภาพกับ AI อาจทำให้เสียค่าไฟมากขึ้นได้กว่าหลายสิบล้านเหรียญ แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ การพูดสุภาพ มีผลต่อคำตอบที่ AI ตอบกลับมา
