รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเรียกเก็บ ค่าธรรมเนียม 100,000 เหรียญ สำหรับการยื่นขอวีซ่า H-1B ในตำแหน่งที่ตนมีความถนัดเป็นพิเศษ โดยยืนยันว่าจะเป็นการเก็บ เพียงครั้งเดียวสำหรับคนที่ยื่นคำร้องใหม่ ไม่ใช่รายปีตามที่เข้าใจกันในตอนแรก
ในคำสั่งฝ่ายบริหารที่ลงนามเมื่อวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์เคยระบุว่าค่าธรรมเนียมนี้จะถูกเก็บเป็นรายปี แต่ทำเนียบขาวได้ออกมาชี้แจงภายหลังว่าเป็นการเรียกเก็บเพียงครั้งเดียว และมีผลบังคับใช้เฉพาะการยื่นใหม่ ไม่รวมการต่ออายุหรือผู้ถือวีซ่า H-1B เดิม ซึ่งยังสามารถเดินทางเข้าออกสหรัฐฯ ได้ตามปกติ
รายงานจาก New York Times ระบุว่า กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิจะจำกัดการอนุมัติคำร้องของผู้ที่อยู่นอกสหรัฐฯ เว้นแต่จะจ่ายค่าธรรมเนียมใหม่ แต่ยังคงมีข้อยกเว้นหากเป็นประโยชน์ต่อชาติ ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวอาจเผชิญการท้าทายทางกฎหมายหากมีผลจริง
ผลกระทบที่ชัดเจนคือกับ บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่พึ่งพาแรงงาน H-1B อย่างมาก เช่น Amazon ที่มีแรงงานกว่า 10,000 คน รวมถึง Microsoft, Meta, Apple, Google, Walmart, Intel, IBM และ NVIDIA ซึ่งมีพนักงานถือวีซ่านี้หลายพันคน ขณะที่บุคคลดังอย่างอีลอน มัสก์ และไมค์ ครีเกอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Instagram ก็เคยเข้ามาสหรัฐฯ ผ่านโครงการนี้เช่นกัน
รัฐบาลอ้างว่าวีซ่า H-1B ถูกใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมไอทีที่ใช้แรงงานต่างชาติเพื่อกดค่าแรง สร้างความเสียเปรียบต่อแรงงานชาวอเมริกัน
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังประกาศโครงการวีซ่าใหม่ชื่อ “Gold Card” มุ่งเน้นดึงดูดผู้ประกอบการ นักลงทุน และนักธุรกิจที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับสหรัฐฯ โดยผู้สมัครต้องมอบ “ของขวัญ” ให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ มูลค่าอย่างน้อย 1 ล้านเหรียญ สำหรับบุคคล หรือ 2 ล้านเหรียญสำหรับบริษัท
ที่มา engadget