กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา (HHS) วางแผนที่จะยกเลิกเงินทุนกว่า 500 ล้านเหรียญในการพัฒนาวัคซีน mRNA ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อใช้สำหรับรับมือกับโรคใหม่ ๆ อย่าง Covid-19 เป็นต้น
หากรัฐบาลตัดงบประมาณสนับสนุนวัตซีน mRNA ตามแผนจริงจะทำให้วัคซีนกว่า 22 โปรเจ็กต์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโดยบริษัทยาใหญ่ ๆ อย่าง Pfizer และ Moderna อาจจะต้องสะดุดลง ซึ่ง โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ (Robert F Kennedy Jr) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บุคคลผู้ไม่เห็นด้วยกับวัคซีนได้ประกาศระงับการให้ทุนสนับสนุน เนื่องจากมองว่าเทคโนโลยี mRNA ก่อให้เกิดความเสี่ยงมากกว่าประโยชน์
หลังการประกาศครั้งนี้ก็มีเสียงวิพากย์วิจารณ์มากมายจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ อย่าง ปีเตอร์ ลูรี (Peter Lurie) อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริการะบุว่าการพัฒนาวัคซีน mRNA อย่างกรณี Covid-19 นั้นสามารถช่วยชะลอการระบาดและช่วยชีวิตผู้คนได้หลายล้านคน
ในแถลงการณ์ เคนเนดีกล่าวว่าทีมงานของเขาได้ตรวจสอบข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ฟังข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าวัคซีนเหล่านี้ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนอย่าง Covid-19 และไข้หวัดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากพอ โดยกระทรวงกำลังเปลี่ยนทิศทางของงบประมาณไปใช้กับวัคซีนที่ปลอดภัยและมีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ให้ยังใช้ได้แม้ว่าไวรัสจะมีการกลายพันธ์ไปแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น เคเนดียังบอกว่าวัคซีนยังทำให้การแพร่ระบาดของ Covid-19 มีระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น เนื่องจากไวรัสมีการกลายพันธ์เพื่อหาทางเอาตัวรอดจากวัคซีน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขกล่าวว่าไวรัสสามารถกลายพันธุ์ได้ไม่ว่าจะมีวัคซีนหรือไม่ก็ตาม
ดร. พอล ออฟฟิต (Dr Paul Offit) ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาวัคซีน โรงพยาบาลเด็กแห่งฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า วัคซีน mRNA มีความปลอดภัยสูงมาก และเป็นกุญแจสำคัญที่ลดการระบาดของ Covid-19 ได้ พร้อมกับบอกว่าการระงับงบประมาณสำหรับพัฒนาวัคซีน mRNA จะทำให้สหรัฐอเมริกาตกอยู่ในอันตรายมากกว่าเดิมหากมีการระบาดของโรคใหม่ในอนาคต
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เคนเนดีได้ดำเนินการหลายอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการที่กระทรวงสาธารณสุขของประเทศพัฒนาและควบคุมวัคซีน โดยหนึ่งในนั้นคือเคเนดีได้ถอดวัคซีน Covid-19 ออกจากตารางการฉีดวัคซีนของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคที่แนะนำให้ฉีดสำหรับเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงและสตรีมีครรภ์ด้วย
ที่มา BBC