รู้จักภาษีน้ำฝน ทำไมบางประเทศให้ประชาชนจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเมื่อ ‘ฝนตก’

THE SUMMARY:

เวลาที่ ‘ฝนตก’ ในประเทศไทย โดยเฉพาะในเมืองที่มีอาคารหนาแน่นอย่างกรุงเทพมหานคร มักจะมี 2 สิ่งที่ต้องเจอเป็นประจำ นั่นก็คือการจราจรที่ติดขัด และน้ำท่วมขังรอการระบาย แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศในยุโรป และบางรัฐในสหรัฐอเมริกาจะมีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเวลาที่ฝนตกด้วย เรียกว่า “ค่าธรรมเนียมน้ำฝน” (Stormwater Fee) หรือบางคนก็ตั้งชื่อเล่นให้ว่า “ภาษีน้ำฝน” (Rain Tax) นั่นเอง

ค่าธรรมเนียมน้ำฝนคืออะไร

เขตเมืองในหลายพื้นที่ของโลกกำลังประสบปัญหาคล้าย ๆ กันเวลาที่ฝนตกหนัก นั่นก็คือน้ำท่วมขังรอการระบาย เนื่องจากสภาพภูมิประเทศมีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนหนาแน่น ยิ่งเมืองที่ตั้งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และต้องเจอกับสภาวะน้ำทะเลหนุนเป็นประจำ ก็ยิ่งทำให้การระบายน้ำท่วมขังเป็นเรื่องที่ยากเย็นมากยิ่งขึ้น

ซึ่งการที่ไม่สามารถระบายน้ำฝนที่ท่วมขังได้ทันการนั้น มักมีปัญหาตามมาในภายหลัง เช่น การจราจรที่ติดขัด ร้านรวงต่าง ๆ ที่ต้องหยุดกิจการชั่วคราว หรือแม้แต่ปัญหาน้ำฝนเจิ่งนองบนพื้นที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรคจากการชะล้างมูลของสัตว์ปีกที่อยู่บนหลังคาอาคารบ้านเรือนลงมา ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขอนามัยในภายหลัง

ด้วยเหตุนี้รัฐบาลท้องถิ่นในหลายประเทศจึงได้ประกาศเรียกเก็บค่าธรรมเนียมน้ำฝนจากเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมองว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ทำให้พื้นดินในการรองรับน้ำฝนและระบายลงดินตามธรรมชาติลดน้อยลง ขณะเดียวกันปริมาณอาคารบ้านเรือนที่หนาแน่นก็ขัดขวางการระบายน้ำฝนของเมือง และทำให้เกิดปัญหาน้ำฝนเจิ่งนองบนพื้นนั่นเอง

ค่าธรรมเนียมน้ำฝนคำนวนอย่างไร

ข้อมูลจากเว็บไซต์ของเทศบาลนอร์ทไมอามี (North Miami) รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ระบุว่าค่าธรรมเนียมน้ำฝนไม่ได้ถูกเรียกเก็บจากเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเกิดฝนตกลงบนทรัพย์สินของพวกเขา แต่ค่าธรรมเนียมนี้จะถูกคำนวนจากปริมาณน้ำฝนที่ไหลลงสู่ระบบระบายน้ำฝนของเมืองในช่วงเวลาที่ฝนตก

สำหรับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นเพราะว่าพวกเขาครอบครอง ‘พื้นที่ที่น้ำไม่สามารถซึมผ่านได้’ (Impervious Area) ซึ่งทำให้เกิดปัญหาน้ำฝนเจิ่งนองบนพื้น โดยค่าธรรมเนียมน้ำฝนจะถูกคำนวนมาพร้อมกับใบเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภค (Utility Bill) หรือบิลค่าน้ำค่าไฟอย่างที่คนไทยเราคุ้นเคยนั่นเอง

ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมน้ำฝนที่ถูกเรียกเก็บนั้นจะถูกนำไปใช้เพื่อบำรุงรักษา และดำเนินการปรับปรุงระบบการจัดการน้ำฝนของเมือง เช่น การปรับปรุงท่อระบายน้ำฝน การขุดลอกท่อระบายน้ำฝน ไปจนถึงการศึกษาและวิจัยโปรแกรมเพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำตามที่เทศบาลของเมืองเห็นสมควร

สำหรับประเทศไทยยังไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมน้ำฝน แต่ในภาควิชาการได้มีการศึกษาเรื่องนี้ เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับการขยายผลสู่การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบาย และปัญหาน้ำฝนเจิ่งนองบนพื้นในเมืองที่หนาแน่นแล้ว

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...