
ด้วยวัยและร่างกายของผู้สูงอายุ ให้คนกลุ่มนี้ไม่สามารถเดินทางไกลๆ หรือทำกิจกรรมผจญภัยโลดโผนได้ นั่นทำให้ ชุมชนผู้สูงอายุกว่า 800 แห่งในสหรัฐฯและแคนาดา เริ่มนำเทคโนโลยี VR ของ Rendever มาใช้เป็นเครื่องมือฟื้นฟูอารมณ์ ความทรงจำ และความสัมพันธ์ทางสังคมให้กับผู้สูงวัย
เดอะเทอร์เรส (The Terraces) เป็นสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งส่วนใหญ่มีอายุ 80 และ 90 ปี แต่คนกลุ่มนี้ยังโหยหาการท่องเที่ยวและความตื่นเต้นอยู่
ทางผู้ดูแลจึงได้นำชุดแว่นตา VR มาใส่ใช้งาน หลังสวมแว่นตา VR ภายในไม่กี่นาที เทคโนโลยีสามารถพาพวกเขาไปยังยุโรป ดำดิ่งสู่ก้นทะเล หรือส่งพวกเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในการร่อนร่มที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยที่พวกเขายังคงนั่งอยู่เคียงข้างกัน

แพลตฟอร์ม VR ที่นำมาใช้นั้นนั้นได้พัฒนาโดย Rendever บริษัทที่เปลี่ยนเทคโนโลยีที่บางครั้งอาจทำให้เกิดความโดดเดี่ยว ให้กลายเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการรับรู้และการเชื่อมต่อทางสังคมที่ดีขึ้น มีการนำไปใช้จริงแล้วในชุมชนผู้สูงอายุ 800 แห่งในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
นอกจากนั้นเทคโนโลยีของ Rendever ยังสามารถใช้เพื่อพาผู้สูงอายุย้อนกลับไปยังสถานที่ที่พวกเขาเติบโตมาในวัยเด็กได้อีกด้วย สำหรับบางคน นี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นบ้านเกิดของตนในรอบหลายสิบปี
เอเดรียน มาร์แชลล์ ผู้อำนวยการฝ่ายชีวิตชุมชนของเดอะเทอร์เรส กล่าวว่า เมื่อมีการบอกเล่าประสบการณ์ VR ปากต่อปาก แพร่กระจายจากผู้อยู่อาศัยคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง ผู้ที่ไม่เคยลองใช้มาก่อนมักจะเกิดความอยากรู้อยากเห็นและอยากลองใช้ดู
“มันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสนทนาสำหรับพวกเขา มันเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันจริง ๆ มันช่วยสร้างสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเขามีสิ่งที่คล้ายคลึงกันและมีความสนใจร่วมกัน มันเปลี่ยนโลกเสมือนจริงให้กลายเป็นความจริง”

Rendever หวังที่จะต่อยอดแพลตฟอร์มสำหรับผู้สูงอายุด้วยเงินทุนสนับสนุนล่าสุดจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health) ซึ่งจะให้เงินเกือบ 4.5 ล้านเหรียญเพื่อศึกษาแนวทางในการลดความโดดเดี่ยวทางสังคมในหมู่ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ที่บ้านและผู้ดูแลของพวกเขา
การศึกษาบางชิ้นพบว่าโปรแกรม VR ที่นำเสนอในรูปแบบการรับชมที่จำกัด สามารถช่วยให้ผู้สูงอายุรักษาและพัฒนาการทำงานของสมอง เสริมสร้างความทรงจำ และส่งเสริมความสัมพันธ์ทางสังคมกับครอบครัวและเพื่อนร่วมสถานดูแลผู้สูงอายุ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเทคโนโลยีนี้อาจมีประโยชน์ในฐานะส่วนเสริม ไม่ใช่สิ่งทดแทนกิจกรรมอื่นๆ
แคทเธอรีน “เคท” ดูปุยส์ นักประสาทวิทยาและศาสตราจารย์ที่ศึกษาประเด็นเรื่องผู้สูงอายุที่วิทยาลัยเชอริแดนในแคนาดากล่าวว่า
“มีความเสี่ยงเสมอหากใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไป แต่ถ้าใช้อย่างระมัดระวัง มีความหมาย และมีจุดประสงค์ มันก็จะเป็นประโยชน์มาก อาจเป็นโอกาสให้ผู้สูงอายุได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและแบ่งปันความรู้สึกมหัศจรรย์ร่วมกัน”
พัลลาบี โบว์มิค นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์บานา-แชมเปญ ผู้กำลังศึกษาการใช้ VR กับผู้สูงอายุ มองว่าแว่นตาVR อาจเป็นวิธีที่ง่ายกว่าสำหรับผู้สูงอายุในการโต้ตอบกับเทคโนโลยี แทนที่จะต้องงุ่มง่ามกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องกดปุ่มหรือใช้งานกลไกต่างๆ
“ความเชื่อผิดๆ ที่ว่าผู้สูงอายุไม่เต็มใจที่จะลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ นั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพราะพวกเขายินดีและต้องการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่มีความหมายสำหรับพวกเขา”
ที่มา japantoday





