ซิกเว่ เบรกเก้ เผยทิศทางทรูไตรสมาส 4 ของปีนี้ ปรับโครงสร้างองค์ใหม่มุ่งสู่ AI-First Company พร้อมเสริมทัพผู้บริหารด้าน AI ตอบสนองลูกค้าให้ดีขึ้น เห็นผลใน 6 เดือน
ท่ามกลางการแข่งขันด้านเทคโนโลยีที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทรูต้องเผชิญกับคู่แข่งไม่ใช่แค่ในประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Microsoft และ Amazon ด้วย แม้ในไตรมาส 2 จะทำรายได้ได้ตามแผน แต่ในไตรมาส 3 ทรูกลับได้รับผลกระทบจากปัญหาเครือข่ายขัดข้อง และจำนวนผู้ใช้งานที่ลดลงถึง 2.9 ล้านเลขหมาย ส่วนหนึ่งมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัว
นอกจากนี้ ทรูยังต้องรับมือกับปัจจัยลบอื่น ๆ เช่น การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นเต็มที่ แรงงานต่างชาติทยอยเดินทางกลับประเทศ รวมถึงความไม่แน่นอนจากภาษีการค้า ทั้งหมดนี้ทำให้ทรูต้องเร่งปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่
โดยทรูจะปรับให้องค์กรมีโครงสร้างแบบแบน ลดลำดับขั้นการตัดสินใจ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป
5 แกนหลักของทรู โฟกัสที่ AI-First Company
เสริมทัพผู้บริหารใหม่
การปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ในครั้งนี้ ทางทรูก็ได้เสริมทัพผู้บริหารมารับผิดชอบให้สอดคล้องกับทั้ง 5 แกนใหม่ดังนี้
นอกจากนั้นยังเตรียมตั้ง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Chief Data and AI Officer) และ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นครั้งแรกเพื่อขับเคลื่อนการเป็น AI First Company อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะมีการประกาศรายชื่อในเร็วๆ นี้
อัปสกิล-รีสกิลทักษะ AI ให้พนักงาน
ภายใต้นโยบาย “AI-First Company” ทรูได้เร่งนำระบบอัตโนมัติมาใช้งานในทุกภาคส่วนขององค์กร ส่งผลให้พนักงานต้องปรับตัวและพัฒนาทักษะให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง โดยภายในสิ้นปีนี้ บริษัทตั้งเป้าให้พนักงาน 100% มีความรู้ด้าน AI ในระดับต่าง ๆ อย่างน้อยในระดับพื้นฐาน แบ่งเป้าหมายออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจการทำงานของ AI และสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างแท้จริง
ตั้งเป้าเห็นผลใน 6 เดือนข้างหน้า
เมื่อปรับองค์กรแล้ว ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เริ่มจากในเดือนกันยายนนี้ โครงการ One Network ที่รวมเครือข่าย True และ dtac ให้กลายเป็นเครือข่ายเดียวจะเสร็จสมบูรณ์ 100% ทำให้การใช้งานทั้ง 4G/5G เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อรวมกับคลื่นความถี่ที่ประมูลได้มาก็จะทำให้มีแบนด์วิด์ทเพิ่มขึ้น โดยความถี่ 2300 MHz ที่เพิ่มมา 10 MHZ จะทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 17% รองรับการใช้งานทั้ง 4G/5G ส่วนย่านความถี่ 1500 MHz นั้นมือถือรุ่นใหม่ๆ รองรับอยู่แล้ว ถือเป็นการวางแผนเพื่ออนาคต เสริมให้เครือข่ายครอบคลุมมากขึ้นซึ่งจะนำเทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing (DSS) ปรับสัดส่วน 5G และ 4G ให้ยืดหยุ่นตามการใช้งาน
ฟากความถี่ 2600 MHZ เมื่อรวมเครือข่ายแล้วจะทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ซึ่งทรูวางแผนนำความถี่ย่านนี้ไปให้บริการ 5G เป็นหลักในช่วงเดือนพ.ย. – ธ.ค.นี้
ในด้านการให้บริการลูกค้า ทรูมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้าน คอลเซ็นเตอร์ หรือผ่านแอปพลิเคชัน โดยได้นำ AI และระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการทำธุรกรรมผ่านแอปที่ครอบคลุมทุกบริการ
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าให้ลูกค้าอย่างน้อย 30% สามารถทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันได้โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสาขา ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน และลดความผิดพลาดจากการปฏิบัติงานของพนักงาน