เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ ‘Ricoh GR IV’ หนึ่งในกล้องคอมแพกต์ไฮเอนต์ที่เชื่อว่ามีคนรอคอยกันมากที่สุด (เพราะกว่าจะเปิดตัวรุ่นใหม่ก็กินเวลา 7 ปีเข้าไปแล้ว…) กับบอดี้ที่ดูเพรียวมากขึ้น อัปเกรดสเปกแบบยกเครื่องทั้งเซนเซอร์, ชุดเลนส์ 28mm F2.8, กันสั่น 5 แกน พร้อมหน่วยความจำในตัวมากถึง 53GB ในรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์คล้ายเดิม ที่แฟน ๆ GR ทั้งหน้าเก่า และหน้าใหม่แทบไม่ต้องปรับตัว
แถมครั้งนี้ทีมงาน CEEI ยังได้ไปลองสัมผัสตัวเป็น ๆ ของเจ้า GR IV กันมาก่อนแล้ว first impression เป็นอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลย !
สำหรับ GR IV มองแว๊บแรกต้องบอกว่าแยกกับรุ่นเก่าอย่าง GR III ยากมาก ๆ ยังคงเอกลักษณ์ DNA ของซีรีส์ GR ไว้แบบครบถ้วน ทั้งในส่วนวัสดุบอดี้ และหน้าตา แต่สเปกภายในนี่อัปเกรดจนเรียกว่าเป็นกล้องคนละตัวสมกับชื่อเจนที่ 4
สิ่งที่เปลี่ยนไปหลัก ๆ ของบอดี้ GR IV ก็คงเป็นไดอัลหมุนด้านหลังที่ถูกปรับมาใช้เป็นปุ่มกดแทนแล้ว พร้อมกับปุ่มโยก ADJ ปรับค่าต่าง ๆ ที่ส่วนนิ้วโป้ง ก็เปลี่ยนไปใช้เป็นไดอัลหมุนแบบปกติ ซึ่งคนที่ใช้ GR III น่าจะต้องปรับตัวกันสักเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีการปรับปุ่มชดเชยแสง +/- ให้มาอยู่ด้านหลังขวามือ เหมือนในรุ่นเก่า ๆ อย่าง GR II (อันนี้ผู้เขียนค่อนข้างชอบนะ กดง่ายดี)
แต่เมื่อลองวางเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง GR III จะพบว่า GR IV มีการปรับปรุงบอดี้ในหลายส่วนด้วยกันครับ ทั้งความหนาของตัวบอดี้ที่บางลง ทำให้กริปที่แม้จะขนาดเท่าเดิมก็กลายเป็นว่ามีความลึกที่มากขึ้น รวมถึงในส่วนของฐานเลนส์เองก็สั้นลงดูกะทัดรัดขึ้นเช่นกัน
ในรุ่นนี้ยังเพิ่มโหมด Sn (Snap) ขึ้นมาไว้บนโหมดไดอัลสำหรับสายถ่าย street ถ้าอยากแยกรุ่น GR IV กับ GR รุ่นอื่นง่าย ๆ ก็สังเกตจากจุดนี้ได้เหมือนกัน
ส่วนแบตเตอรี่ด้วยความที่รุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้การ์ดแบบ microSD แทนแล้ว ทำให้มีเนื้อที่ใส่แบตความจุที่สูงขึ้น ให้มาเป็นขนาด 1,800 mAh (รุ่นก่อน 1,350 mAh) ที่เคลมว่าใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้นอีก 25% เป็น 250 รูป (จากเดิม 200 รูป)
ซึ่งตามปกติแล้วการ์ดแบบ microSD น่าจะหาซื้อได้ง่ายมากกว่าแบบ SD ปกติ (เพราะสมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ก็ใช้ microSD ร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ก็มีขาย) แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ลืมการ์ดจริง ๆ ตัวกล้องก็ยังมีหน่วยความจำภายในให้ถึง 53GB ถ่ายภาพนิ่งได้เหลือเฝือเหลือใช้
ด้านสเปกภายในเรียกว่ายกเครื่องใหม่หมดก็ว่าได้ ทั้งเซนเซอร์ APS-C BSI CMOS 25.74 ล้านพิกเซล ที่ความละเอียดสูงขึ้น ชิปประมวลผล GR Engine 7 ที่แรงกว่าเดิม กันสั่นที่ถูกยกระดับขึ้นมาเป็น 5 แกน และโครงสร้างชิ้นเลนส์ 28mm F2.8 ที่ออกแบบมาใหม่ เรื่องคุณภาพนี่บอกเลยว่าไม่ต้องห่วง ยังคมตามสไตล์เซนเซอร์ไร้ AA Filter ของ GR เขาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการประมวลผลไฟล์ที่ใสเคลียร์มากขึ้น
ซึ่งในตอนที่ได้ทดสอบ GR IV ต้องบอกว่าตัวเฟิร์มแวร์ยังไม่ใช่ตัวเวอร์ชัน final ทำให้เราไม่สามารถนำภาพมาให้ชมกันได้ แต่ขอเล่าประสบการณ์ที่ได้สัมผัสการใช้งานในช่วงสั้น ๆ แทนครับ ขออภัยมา ณ ที่นี้
สำหรับ GR IV ทำงานได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เปิดเครื่องเลยครับ แน่นอนว่าไวกว่า GR III (ที่เคยคิดว่าไวแล้ว) เสียอีก ระบบโฟกัสต่าง ๆ ที่ถูกระดับไปอีกขั้น โฟกัสได้รวดเร็ว แม่นยำมากขึ้น รวมถึงระบบโฟกัสในงานวิดีโอที่แม้จะไม่ได้เร็วปรู๊ดปร๊าด แต่ความนุ่มนวลของการโฟกัสก็ถือว่าทำได้ดีพอสทควร ให้อารมณ์คล้ายถ่ายวิดีโอแนว cinematic
ในการใช้งานทั่ว ๆ ไป สิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนคือโทนภาพที่ดูใสเคลียร์มากกว่ารุ่นก่อน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากคุณภาพจอที่ดีขึ้นด้วยส่วนหนึ่ง (แม้จะไม่ได้มีการบอกรายละเอียดเรื่องอัปเกรดจอที่ชัดเจน และไฟล์ก็ยังไม่สามารถเปิดได้) แต่คาดว่าส่วนใหญ่คงมาจากเซนเซอร์ และชิปตัวใหม่นี่ละครับ
และแม้ GR จะไม่ใช่กล้องที่เน้นวิดีโอตั้งแต่แรก แต่ในรุ่นนี้แม้วิดีโอจะทำได้ที่ Full HD 60p เช่นเดิม แต่ก็มีคุณภาพที่ดีมากขึ้นด้วยเช่นกัน ไร้อาการภาพแตก ๆ ที่เฟรมเรท 60p แบบที่เคยเจอในรุ่นก่อน
สำหรับ Ricoh GR IV เรียกว่าเป็นการอัปเกรดสมกับ 7 ปีที่รอคอย โดยเปิดราคาไทยมาที่
และสำหรับใครที่ชอบฟิลเตอร์ฟุ้ง ๆ ชวนฝันในซีรีส์ HDF เตรียมเปิดตัวตามมาภายในปี 2025 นี้ครับ ซึ่งแน่นอนว่าซีรีส์ GR IVx เลนส์ระยะ 40mm ก็น่าจะเปิดตัวตามมาหลังจากนั้นเช่นกัน
สุดท้ายต้องขอบคุณทาง บ. อิสท์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ Ricoh ที่เชิญทางทีมงาน CEEI ไปลองสัมผัส GR IV ก่อนเปิดตัวด้วยครับ