
ในที่สุดก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้วครับ สำหรับกล้องรุ่นใหม่ในซีรีส์ EOS R System อย่าง ‘Canon EOS R6 Mark III‘ ฟูลเฟรมมิเรอร์เลสสายไฮบริด ยกเครื่องด้วยเซนเซอร์ระดับ 32.5 ล้านพิกเซล อัปเกรดขึ้นในทุกด้านทั้งภาพนิ่ง และวิดีโอ พร้อม ๆ กันกับกล้อง Cinema ‘Canon EOS C50‘ และเลนส์ไวแสงรุ่นใหม่ราคานักศึกษา ‘RF 45mm F1.2 STM’


และในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ทีมงาน CEEI ก็ได้รับโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ โดยในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเจ้า EOS R6 Mark III และ RF 45mm F1.2 STM เป็นหลักครับ (เพราะได้ลองเยอะสุดแล้ว) แต่ก่อนจะไปอ่าน first impression เราไปดูราคากันก่อน
สำหรับ EOS C50 และ EOS R6 Mark III มาพร้อมกับโปรโมชันช่วงเปิดตัว ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 15 มกราคม 2569
สำหรับ EOS R6 Mark III เรียกว่าแทบจะถอดสเปกมาจากรุ่นพี่สาย Cinema อย่าง EOS C50 เลยครับ ทั้งเซนเซอร์ Full-frame CMOS 32.5 ล้านพิกเซล ผสานการทำงานร่วมกับชิปประมวลผลรุ่นล่าสุด DIGIC X ยกระดับคุณภาพของภาพไปอีกขั้น ดัน ISO สูงสุดถึง 102,400 กันสั่น 5 แกน ภายในบอดี้ถึง 8.5 สต็อป รวมไปถึงฟีเจอร์สายวิดีโอที่ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่เลยทีเดียว

เรื่องรูปลักษณ์ภาพนอกของเจ้า EOS R6 Mark III ครั้งแรกที่ได้เห็นคือบอดี้ภายนอกเรียกว่าแทบไม่ต่างจากรุ่นก่อน อย่าง EOS R6 Mark II เลยครับ สิ่งที่เปลี่ยนไปหลัก ๆ คือไฟ Tally Light บอกสถานะการอัดวิดีโอที่ถูกเพิ่มเข้ามาที่ด้านหน้าของบอดี้ กับสัญลักษณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เรื่องการจับถือ รูปทรงต่าง ๆ ยังคงเหมือนเดิม เรียกว่าใครที่ใช้รุ่นก่อนอยู่แล้วแทบไม่ต้องปรับตัวกันเลยทีเดียว


แต่ภายในนี่ต้องบอกว่าเปลี่ยนยกเครื่อง ไม่ว่าจะเซนเซอร์ที่ความละเอียดสูงขึ้นเป็น 32.5 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับชิปประมวลผล DIGIC X ที่เขาเคลมว่าให้ประสิทธิภาพการโฟกัสระดับเดียวกับกล้องเรือธงของทางค่าย รุ่นก่อนก็ว่าดีแล้ว รุ่นนี้ปรับปรุงให้ดีขึ้นไปอีก

แต่สำหรับใครที่กังวลว่าความละเอียดที่สูงขึ้นแบบนี้ จะทำให้ประสิทธิภาพการถ่ายรัวลดลงรึเปล่า อันนี้ต้องบอกเลยครับหายห่วง ยังยิงเต็ม 40fps เช่นเดิม (Electronic Shutter) ได้เช่นเดิม แถมบัฟเฟอร์เยอะขึ้นด้วย สมัยลองรุ่นก่อนยิง 40fps ได้ไม่กี่วิบัฟเฟอร์ก็หมดแล้ว ไม่ค่อยสะใจ รุ่นใหม่จากที่ลองคือกดได้ยาวกว่าเดิม ประมาณ 2 เท่าเลยทีเดียว

ที่ทำแบบนี้ได้คงต้องยกความดีความชอบให้กับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ บวกกับรุ่นนี้มีการเปลี่ยนมาใช้การ์ดแบบ CFexpress Type B 1 ช่อง และ SD Card UHS-II อีก 1 ช่อง ซึ่งน่าจะรู้ ๆ กันอยู่แล้ว ว่า CF มีความไวที่สูงกว่า SD Card มาก ๆ ถ่ายหมดแม็กเคลียร์บัฟเฟอร์ไม่นานยิงต่อได้สบาย ๆ และแน่นอนว่ารุ่นนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ pre-continuous shooting มาให้เช่นเดิม บันทึกถ่ายให้ก่อนกดชัตเตอร์ครึ่งวิ ไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดโอกาสสำคัญ ๆ (ถ้าไม่มึนลืมกดชัตเตอร์เป็นหลักวินาทีละก็นะ…)

มาพูดถึงด้านวิดีโอกันบ้าง รุ่นนี้ความเจ๋งคือรองรับวิดีโอระดับ 7K/30p พร้อมกับฟีเจอร์ Open-gate ถ่ายเต็มอัตราส่วนเซนเซอร์แบบ 3:2 ด้วยความคมชัดระดับนี้ จะนำไปครอปเป็นแนวนอน 16:9 ปกติ หรือ 9:16 สำหรับคอนเทนต์แนวตั้งลงแพลตฟอร์มดังอย่าง TikTok, YouTube, IG ก็ทำได้ง่าย ๆ
ด้าน 4K ก็ไม่น้อยหน้า มี 4K/60p และ 4K/30p ที่ oversampled คุณภาพสูงมาจาก 7K หรือใครอยากทำไฟล์โหด ๆ หน่อยก็รองรับ 7K 60p RAW (Light) ใช้งานกันแบบเต็มคุณภาพไฟล์ รองรับโพรไฟล์สี C-Log 2/3 รวมไปถึงการใส่ LUT ในตัวกล้อง
แน่นอนว่าเน้นวิดีโอขนาดนี้ พอร์ตของเจ้า EOS R6 Mark II เขาเปลี่ยนมาใช้ HDMI Full-Size แล้วนะครับ ข้อดีคือ หัวแบบนี้มันหาง่ายกว่า แถมไม่ค่อยมีปัญหาหักคากล้องมากวนใจเท่า microHDMI หัวจิ๋ว ๆ อีกด้วย

ความดีงามอีกอย่างคือความสามารถดิจิทัลซูม ได้สูงสุด 4X โดยที่ความละเอียดยังได้ที่ 4K เท่าเดิม ทำให้ในบางจังหวะที่ถ่ายบันทึกวิดีโออยู่แต่ระยะเลนส์ไม่พอ อย่างการถ่ายเวทีงานพิธีต่าง ๆ ไม่มีเลนส์ซูเปอร์เทเลแพง ๆ ก็ยังไหว รวมไปถึงรุ่นนี้รองรับ Clean HDMI แถมกด record ไปพร้อมกันได้แล้ว ! เรียกว่ารุ่นก่อนมีข้อสังเกตอะไร รุ่นนี้เก็บเรียบ ถูกใจแฟน ๆ หนอนแน่นอน
สนใจอ่านรายละเอียดสเปกเพิ่มเติมของ Canon EOS R6 Mark III – คลิก
เปิดราคามาถูกขนาดนี้ RF45mm f/1.2 STM กับขนาดตัวเล็กเบา แค่ 346 กรัม พูดง่าย ๆ ว่าไม่เห็นข้อให้ติเลยว่าทำไมเราถึงไม่ควรเลือกเลนส์ตัวนี้ ทั้งรูรับแสงกว้างระดับ f/1.2 ถ่ายแสงน้อยได้ดี Portrait ก็สวย ในขนาดเท่าฝ่ามือ จะพกติดกล้องในทุกวันก็ได้


แม้มันจะไม่ได้คมกริบตั้งแต่กลางภาพถึงขอบเหมือนเลนส์ L ตั้งแต่รูรับแสงกว้างสุด โฟกัสใกล้ก็ไม่ได้หวืดหวา 0.45 เมตร แต่สีสัน โทนภาพ มิติ เรียกว่าเรนเดอร์มาได้สวยงามทีเดียวครับ รวมไปถึงโฟกัสเมื่อติดอยู่บน EOS R6 Mark III นี่เรียกว่าเร็วปรี๊ด ใช้งานกันได้สบาย ๆ


เชื่อว่าเจ้าเลนส์ตัวนี้น่าจะเป็นอีกรุ่นที่ขายดี ที่ชาวหนอนแทบทุกคนต้องมีในอนาคตแน่นอน ทำราคามาดีเกิ๊นนนน


แต่สำหรับใครที่เน้นงานวิดีโอ ต้องการ workflow แบบมืออาชีพขึ้นไปอีกขั้น ก็ยังมี Cinema EOS C50 เป็นอีก 1 ตัวเลือก แม้สเปกหลายอย่างจะคล้ายกับ EOS R6 Mark III ยันเซนเซอร์ แต่รุ่นนี้จะมีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า ครบครันทั้งพอร์ต และการ์ด ไม่ว่าจะเป็น XLR (ใช้ร่วมกับด้ามจับในชุด), Timecode, HDMI Type-A, CFexpress + SD Card
ฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอทั้งแนวตั้ง และแนวนอนพร้อม ๆ กันแยกลง 2 เมม วิดีโอความละเอียดสูงระดับ 7K 60P RAW และ 4K/120P, 2K/180P หรือการฟีเจอร์รองรับการใช้งานเลนส์ Anamorphic ในขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ใช้ร่วมกับเลนส์เมาท์ RF ได้ยกระบบ

สนใจอ่านรายละเอียดสเปกเพิ่มเติมของ Canon EOS C50 – คลิก
สุดท้ายต้องขอบคุณทาง Canon Thailand ที่เชิญทีมงาน CEEI ไปร่วมงานเปิดตัวในครั้งนี้ด้วยครับ





