คณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเผยผลสรุปการประชุมครั้งที่ 1/2568 พร้อมเร่งเดินหน้าปรับปรุงแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล 2568 – 2570 เสริมศักยภาพบริการภาครัฐด้วยระบบ Cloud และ Digital ID
การประชุมครั้งนี้เป็นการพิจารณาวาระสำคัญที่เสนอโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA โดยมีนางไอรดาเหลืองวิไลรักษาการผู้อำนวยการ DGA ในฐานะกรรมการและเลขานุการ ร่วมนำเสนอสาระสำคัญ
ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบใน 3 วาระสำคัญ ซึ่งถือเป็นรากฐานหลักในการยกระดับบริการภาครัฐสู่ระบบดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม คือ
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะเร่งการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพและทัดเทียมนานาประเทศ โดยคณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบ (ร่าง) กรอบแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล พ.ศ. 2568–2570 (ฉบับปรับปรุง) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดทำ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทยในช่วงเวลาเดียวกัน
แผนดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นพิมพ์เขียว (Blueprint) สำหรับทุกหน่วยงานภาครัฐ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมยุทธศาสตร์และมาตรการสำคัญที่มุ่งเน้นการพัฒนาและให้บริการดิจิทัลหลักแก่ประชาชน ภาคธุรกิจ และชาวต่างชาติ อาทิ ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID), ระบบบล็อกเชนภาครัฐ (National Blockchain), แพลตฟอร์มกลางบริการภาครัฐ (Single Portal) รวมถึงบริการพื้นฐานอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ แผนยังสนับสนุนนโยบาย Cloud First ด้วยการกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลภาครัฐ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการดิจิทัลอย่างยั่งยืน.
ในประเด็นระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของประเทศไทย ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนหลัก (Identity Provider: IdP) สำหรับบริการภาครัฐ โดยครอบคลุมทั้งบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย และนิติบุคคล เพื่อรองรับการใช้งานจำนวนมากและให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการแบบเบ็ดเสร็จได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” รวมถึงบริการของหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ที่สามารถใช้งานพร้อมกันได้อย่างราบรื่น
ปัจจุบัน ระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของ DGA มีผู้ใช้งานยืนยันตัวตนแล้วกว่า 33 ล้านราย และถูกนำไปใช้กับบริการภาครัฐกว่า 150 รายการ จาก 40 หน่วยงาน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐที่ถือครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งจำเป็นต่อการพิสูจน์ตัวตน เช่น กรมการปกครอง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงาน กสทช. และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เชื่อมโยงข้อมูลกับ DGA เพื่อยกระดับความถูกต้องและประสิทธิภาพในการยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
พร้อมกันนี้ ยังเน้นการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นระบบ ThaiD หรือผู้ให้บริการเอกชน ผ่านกลไกของคณะกรรมการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อให้การวางระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนของประเทศเกิดการบูรณาการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด.