ในโลกที่ทรัพยากรมีอย่างจำกัด และหายากขึ้นทุกวัน ล่าสุดมีโครงการในเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ที่เปลี่ยน “ของเสียจากมนุษย์” ให้กลายเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพสำหรับรถโดยสารสาธารณะ ช่วยลดมลพิษทางอากาศ แถมแทบไม่มีกลิ่นรบกวน
โครงการดังกล่าวมีชื่อว่า ‘Nimbus’ โดยเริ่มใช้งานกับสายรถเมล์ V3 ในเมืองบาร์เซโลนา โดยเหล่านักวิจัยจาก Veolia ซึ่งเป็นบริษัทจัดการน้ำของเมือง ร่วมกับบริษัทด้านขนส่ง TMB และมหาวิทยาลัยอิสระแห่งบาร์เซโลนา ซึ่งมีการทดลองนำเอาเชื้อเพลิง ‘ไบโอมีเทน’ ที่สกัดมาจากตะกอนของเสียของมนุษย์มาใช้แทนเชื้อเพลิงจากฟอสซิล
นักวิจัยใช้ศูนย์บำบัดน้ำเสีย Baix Llobregat ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ทำหน้าที่บัดบัดของเสียจากน้ำกว่า 400,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดย 95% ของน้ำจะถูกทำให้บริสุทธิ์ และนำกลับมาใช้ใหม่ในงานเกษตร ชลประทาน รวมถึงเป็นน้ำดื่มในช่วงภัยแล้ง
ในส่วนตะกอนที่แยกออกมานั่น จะถูกนำไปใช้ทางการเกษตรเป็นหลัก ซึ่งมีปริมาณรวมกว่า 250 ตัน/วัน ซึ่งในโครงการสามารถแปรรูปตะกอนได้ประมาณ 4 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง จนกลายเป็นไบโอมีเทนในระดับที่เพียงพอใช้งานกับรถบัส ที่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร/วัน
สำหรับ ไบโอมีเทน คือเชื้อเพลิงชีวภาพที่ได้จากการกลั่นให้มีความเข้มข้นของมีเทนตั้งแต่ 90% ขึ้นไป ซึ่งแก๊สชีวภาพจากของเสียทั่วไปจะมีเทนอยู่ที่ 65% และออกซิเจน (CO₂) ที่ 35% แต่ทาง Veolia ได้ใช้เทคนิคนำออกซิเจนไปผสมกับไฮโดรเจนที่ได้จากน้ำ และแหล่งพลังงานหมุนเวียน เพื่อเปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นมีเทนแทบทั้งหมด จนได้เป็นเชื้อเพลงสะอาดพร้อมใช้
ไบโอมีเทน คือเชื้อเพลิงชีวภาพที่ผ่านการกลั่นให้มีความเข้มข้นของมีเทน 90% ขึ้นไป โดยทั่วไปแล้วแก๊สชีวภาพที่ได้จากของเสียจะมีมีเทน 65% และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) 35% แต่ Veolia ใช้เทคนิคที่นำคาร์บอนไดออกไซด์มาผสมกับไฮโดรเจน ซึ่งได้จากน้ำ และพลังงานหมุนเวียน เพื่อเปลี่ยนกลับเป็นมีเทน จนได้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพพร้อมใช้งานในระบบขนส่ง
แม้ไบโอมีเทนจะยังปล่อยไนโตรเจนออกไซด์และฝุ่นขนาดเล็กในปริมาณเล็กน้อย แต่ก็ถือผ่านมาตรฐานการปล่อยมลพิษ Euro VI ของสหภาพยุโรป และเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่นอกเมือง ซึ่งเป็นจุดที่รถบัสไฟฟ้ายังไม่สามารถให้บริการได้เต็มที่
หลังจากทดสอบครบ 5 ปี โครงการ Nimbus จะเข้าสู่ระยะถัดไปภายใต้ชื่อใหม่ว่า ‘SEMPRE-BIO’ โดยมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไบโอมีเทนเป็น 10–12 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เพื่อรองรับสายรถบัสเพิ่มเติม และต่อยอดสู่การใช้งานในระดับอุตสาหกรรมในอนาคต
ที่มา: TechSpot