
แอร์บัสเผย สาเหตุเครื่องบินเจ็ตบลูที่เดินทางจากประเทศเม็กซิโก หลังเครื่องไต่ระดับสูงถึง 35,000 ฟุต เกิดเหตุลดระดับกระทันหัน จนมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ
อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นกับสายการบินเจ็ตบลู (JetBlue) ที่ทะยานออกจากเมืองแคนคูน ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ดูเหมือนเป็นเที่ยวบินที่ราบรื่น พอเครื่องไต่ระดับสูงถึง 35,000 ฟุต ที่แทบไม่ต้องพึ่งการควบคุมของนักบินมากนัก เแต่แล้วเครื่องบินก็กลับลดระดับอย่างกระทันหันทำให้เกิดการดิ่งแบบฉับพลัน
สุดท้ายนักบินสามารถกลับมาควบคุมเครื่องบินแอร์บัส A320 ได้ แต่แรงดิ่งตัวครั้งนั้นค่อนข้างรุนแรงจนทำให้ผู้โดยสารอย่างน้อย 3 คนศีรษะกระแทกเพดาน จนต้องลงจอดฉุกเฉินที่รัฐฟลอริดา โดยมีผู้บาดเจ็บถูกส่งโรงพยาบาล 15 ราย
แม้สาเหตุจะยังไม่ชัดเจนในตอนแรก แต่หลังเหตุการณ์ที่ทำให้มีการสั่งตรวจสอบเครื่องบินกว่า 6,000 ลำ แอร์บัสออกมาเผยต้นตอที่สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องว่าเกิดจาก รังสีคอสมิกจากอวกาศที่รบกวนระบบคอมพิวเตอร์ของเครื่องบิน

ฟังดูเหมือนเรื่องเหลือเชื่อ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริง นักวิทยาศาสตร์เรียกเหตุการณ์แบบนี้ว่า single-event upset ซึ่งก็คือ ปรากฎการณ์อนุภาคพลังงานสูงระดับจักรวาลที่แผ่มาถึงโลกอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เกิดจากการระเบิดของดาวฤกษ์ไกลโพ้นหรือ พายุสุริยะครั้งใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน
รังสีคอสมิก คือ อนุภาคขนาดเล็กระดับซับอะตอมที่พุ่งด้วยความเร็วใกล้แสง เมื่อพวกมันชนกับชิปหน่วยความจำ อาจเปลี่ยนค่าบิตจาก 1 เป็น 0 หรือกลับกันโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน หรือที่เรียกว่า bit flip ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเครื่องเล่นเกมไปจนถึงระบบสำคัญระดับประเทศ เช่น เคยเกิดเหตุคะแนนเลือกตั้งในเบลเยียมปี 2003 เปลี่ยนไปเพราะการพลิกบิตเพียงครั้งเดียว
ในกรณีเที่ยวบินเจ็ตบลูนั้น ทางแอร์บัสระบุว่า “รังสีคอสมิกที่รุนแรง” อาจทำให้ข้อมูลสำคัญในระบบควบคุมการบินเสียหาย โดยรายงานชี้ว่า bit flip เกิดขึ้นในระบบ Elac ซึ่งควบคุมการขยับของปีกและหางเครื่องบิน
ผู้เชี่ยวชาญเตือนมานานแล้วว่าเครื่องบินยุคใหม่พึ่งพาระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ทำให้เสี่ยงต่อความผิดปกติจากรังสีคอสมิก แอร์บัสจึงเร่งอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อรีเฟรชข้อมูลที่อาจผิดเพี้ยน ก่อนจะส่งผลต่อการควบคุมจริง
ที่มา futurism





