หลังจากมีข้อมูลออกมาอย่างยาวนาน ในที่สุด Qualcomm ได้เปิดตัว Snapdragon 8 Elite ชิปเซ็ตเรือธงรุ่นล่าสุดสำหรับะขับเคลื่อนอุปกรณ์ Android รุ่นเรือธงรุ่นใหม่ มาพร้อม Oryon CPU ส่วน GPU เร็วขึ้น 40%
การที่ Qualcomm เลือกตั้งชื่อชิปใหม่ว่า Elite นั่นแสดงให้เห็นถึงการตั้งชื่อที่เป็นแบรนด์ดิ้งเดียวเหมือน X Elite ชิปแล็ปท็อป X Elite ที่พัฒนาด้วยสถาปัตยกรรม ARM
Snapdragon 8 Elite มาพร้อมกับ CPU Oryon แบบ 8 คอร์ซึ่งประกอบด้วยคอร์หลัก 2x ที่มีความเร็วสัญญาณนาฬิกา 4.32 GHz และคอร์ประสิทธิภาพ 6x ที่ทำงานที่ความเร็วสูงสุด 3.53 GHz จับคู่กับแคช L2 ขนาด 24MB และรองรับ RAM LPDDR5X 5,300MHz
ชิปรุ่นใหม่นี้ผลิตขึ้นโดยใช้กระบวนการ 3 นาโนเมตรของ TSMC ส่งผลให้ประสิทธิภาพของ CPU จะเพิ่มขึ้น 45% และประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น 44% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
ในส่วนของกราฟิก Qualcomm เปิดตัว GPU Adreno ที่ปรับปรุงใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานได้ 40% ควบคู่ไปกับการปรับปรุงประสิทธิภาพ Ray tracing ให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนั้นชิปใหม่ของ Qualcomm ยังเป็น SoC มือถือตัวแรกที่รองรับ Unreal Engine 5.3 และระบบ Nanite virtualized geometry อีกด้วย
มาดูเรื่อง AI กันบ้าง ชิปนี้ใช้ Hexagon neural processing (NPU) ช่วยให้งาน AI ทำงานเร็วขึ้น 45% พร้อมประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่ดีขึ้น รวมถึงมีAI Engine รองรับ Gen AI แบบมัลติโมเดลทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก พร้อมความสามารถในการรันโทเค็นสูงสุด 70 โทเค็นบน SLM
Snapdragon 8 Elite ยังมาพร้อมกับการประมวลผลสัญญาณภาพ (ISP) ที่ผสานการทำงานกับ Hexagon NPU ทำให้การแสดงผล HDR ดีขึ้น สีของท้องฟ้า โทนสีผิวที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น รวมถึงประสิทธิภาพการโฟกัสอัตโนมัติดีขึ้นนอกจากนี้ Qualcomm ยังเพิ่มฟังก์ชันการแบ่งส่วนความหมายของภาพถ่ายและวิดีโอในระดับชิป และการลบวัตถุวิดีโอ
ในด้านการเชื่อมต่อ Snapdragon 8 Elite มาพร้อมกับโมเด็ม Snapdragon X80 5G ซึ่งเป็นโมเด็ม 5G ตัวแรกที่มีการรวมสัญญาณดาวน์ลิงก์ 6 เท่าและการขยายช่วง mmWave ที่ใช้ AI ทาง Qualcomm อ้างว่าความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 10 Gbps และความเร็วในการอัปโหลดสูงสุดตามทฤษฎีอยู่ที่ 3.5 Gbps ซึ่งโมเด็มใหม่นี้จับคู่กับระบบเชื่อมต่อมือถือ FastConnect 7900 ซึ่งเป็นระบบแรกที่รวม Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และการเชื่อมต่อ Ultra Wideband ไว้ในชิป 6nm ตัวเดียว
Snapdragon 8 Elite จะถูกนำไปใช้งานกับสมาร์ทโฟนเรือธง Android รุ่นต่อไปจาก Asus, Honor, iQOO, OnePlus, Oppo, Realme, Samsung, vivo, Xiaomi และอื่นๆ
ที่มา gsmarena