
ท่ามกลางวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคใต้เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา นอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือน สิ่งสำคัญที่ถูกตัดขาดคือ “การสื่อสาร” ซึ่ง “ทีมงานด่านหน้าของทรู” ได้ทุ่มเทแรงกายและหัวใจ เพื่อกู้คืนสัญญาณให้ทุกคนยังสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้

เรื่องราวความเสียสละของพนักงานทรู 3 ท่าน ได้แก่ คุณเสกศักดิ์ ช่อปลอด, คุณสนอง หยูมุ่ย และ คุณสุวิกรม แก้วสองเมือง ได้รับการยกย่องในพิธีมอบรางวัล “โครงการซีพีร้อยเรียงความดี 24 ชั่วโมง” ครั้งที่ 5 ในฐานะฮีโร่ผู้ปิดทองหลังพระ ที่ไม่เพียงแต่กู้ระบบสื่อสาร แต่ยังกู้ขวัญและกำลังใจให้กับผู้ประสบภัย นี่คือ 3 เรื่องราวแห่งความประทับใจที่สะท้อนพลังแห่งการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

คุณเสกศักดิ์ ช่อปลอด Head of Regional Operation ผู้ดูแลโครงข่ายภาคใต้ เล่าถึงนาทีชีวิตที่ต้องติดอยู่ในบ้านที่ อ.หาดใหญ่ นานถึง 6 วัน ท่ามกลางระดับน้ำที่ท่วมมิดหลังคาและไร้สัญญาณติดต่อโลกภายนอก
“วินาทีนั้นผมตระหนักดีว่า การสื่อสารคือลมหายใจ เมื่อฝนซา ผมตัดสินใจว่ายน้ำออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ศูนย์พักพิง ม.อ. (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) ที่นั่นมีคนนับหมื่นรอความหวัง ผมเห็นหลายคนอยากโทรกลับบ้านแต่ทำไม่ได้ เพราะมือถือหาย แบตหมด หรือไม่มีเงิน”

ด้วยจิตวิญญาณของคนทรู คุณเสกศักดิ์เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ประสานงานกับทีมเน็ตเวิร์กจัดตั้ง ‘บูททรู’ กลางศูนย์พักพิง ให้บริการชาร์จแบตเตอรี่ โทรฟรี เล่นเน็ตฟรี และแจกซิมการ์ดกู้ชีพ เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้ส่งเสียงยืนยันความปลอดภัยกลับไปหาครอบครัว

ในขณะที่ระดับน้ำสูงจนการไฟฟ้าต้องตัดไฟ คุณสนอง หยูมุ่ย Head of Regional Network Rollout and Operation ต้องเผชิญกับโจทย์หิน เมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องปั่นไฟสำรองของชุมสายกำลังจะหมดลง ซึ่งหมายถึงระบบการสื่อสารทั้งหมดจะล่ม
“วันที่ 25 พฤศจิกายน คือจุดวิกฤต เส้นทางถูกตัดขาด การขนส่งน้ำมันเป็นไปไม่ได้” คุณสนองเล่า “เราตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการถ่ายน้ำมันจากเครื่องปั่นไฟสำรองตัวอื่นและจากรถกระบะของเราเอง มาเติมให้เครื่องหลัก เพื่อยื้อเวลาให้ระบบยังทำงานต่อไปได้”
การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวและการทำงานแข่งกับเวลาของทีมงาน ทำให้สัญญาณสื่อสารยังคงเชื่อมต่อ พี่น้องชาวใต้จึงไม่ขาดการติดต่อในยามที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด

ภารกิจของ คุณสุวิกรม แก้วสองเมือง วิศวกรจากหน่วยงาน Wire & Wireless เต็มไปด้วยความเสี่ยง เมื่อต้องนำน้ำมันฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าไปเติมที่ชุมสายหลัก ท่ามกลางอุปสรรคทั้งซากรถและสิ่งกีดขวางใต้น้ำ
“คืนนั้นมืดสนิท เราต้องขอความช่วยเหลือจากทหารเพื่อนำเรือท้องแบนและรถยกสูงเข้าไป ระหว่างทางเราเจอผู้สูงอายุลอยคอ และชาวบ้านติดอยู่บนหลังคา” คุณสุวิกรมตัดสินใจหยุดภารกิจหลักชั่วคราว เพื่อเข้าช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์กว่า 20 ชีวิต นำส่งศูนย์พักพิงอย่างปลอดภัย ก่อนจะตีรถกลับไปปฏิบัติภารกิจกู้ชุมสายจนสำเร็จ
“เมื่อสัญญาณกลับมาใช้ได้ เราได้ยินเสียงผู้ประสบภัยโทรบอกทางบ้านว่า ‘ปลอดภัยแล้วนะ’ คำพูดนั้นทำให้ความเหนื่อยล้าของพวกเราหายไปจนหมดสิ้น” คุณสุวิกรม กล่าวทิ้งท้าย





