เปิดราคาไทย Nothing Phone (3) สมาร์ตโฟนเรือธงใหม่ พร้อมหูฟังครอบ Headphone (1)

Nothing ประกาศผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ สมาร์ตโฟนเรือธง Phone (3) ที่มาพร้อมชิปเซต Snapdragon 8s Gen 4 และดีไซน์ Glyph Matrix โฉมใหม่ และหูฟังครอบหูรุ่นแรก Headphone (1) ที่พัฒนาร่วมกับ KEF แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำ เตรียมวางจำหน่ายในไทยรอบพิเศษ 26 กรกฎาคม นี้

Nothing Phone (3)

Nothing Phone (3) เป็นสมาร์ตโฟนที่ Nothing บอกว่าเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่แท้จริงของแบรนด์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดที่ผลิตภัณฑ์เริ่มมีความคล้ายคลึงกัน โดย คาร์ล เพ่ย ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Nothing กล่าวว่า บริษัทใช้เวลากว่า 2 ปีในการพัฒนา Phone (3) เพื่อให้เทคโนโลยีกลับมามีความหมายอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นที่การจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และสะท้อนเอกลักษณ์ของผู้ใช้งาน ผ่านการออกแบบที่เป็นซิกเนเจอร์ วัสดุระดับพรีเมียม และประสิทธิภาพที่ทรงพลังยิ่งขึ้น

ในด้านการถ่ายภาพ Phone (3) มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพความละเอียด 50 ล้านพิกเซลทุกกล้อง กล้องถ่ายภาพหลักใช้เซนเซอร์ขนาด 1/1.3 นิ้ว และมีกล้องถ่ายภาพ Optical Zoom 3x Periscope สำหรับการซูมภาพถ่ายระยะไกล พร้อมกันสั่น OIS ด้วย

Nothing Phone (3) มาพร้อมชิปเซต Snapdragon 8s Gen 4 ซึ่งผลิตบนสถาปัตยกรรม 4 นาโนเมตร โดยตัวเครื่องมาพร้อมแบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอน ขนาด 5,150mAh ที่รองรับการชาร์จเร็วแบบมีสาย 65W และไร้สาย 15W พร้อมมาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 ด้วย

Phone (3) ยังมาพร้อมกับดีไซน์โปร่งใส แต่มีการปรับปรุงใหม่ ตัวเครื่องมีรูปทรงแบบ R-angle เพื่อให้จับถือได้ถนัดมือยิ่งขึ้น ขอบหน้าจอบาง 1.87 มิลลิเมตร เท่ากันทุกด้าน สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงที่ 92.89% หน้าจอแสดงผลเป็นแบบ Flexible AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K รีเฟรชเรต 120Hz และความสว่างสูงสุด 4,500 นิต (HDR)

ไฮไลต์สำคัญคือ Glyph Matrix โฉมใหม่ ซึ่งเป็นจอแสดงผลแบบ micro-LED ด้านหลัง 489 ดวง ที่ช่วยลดเวลาการใช้งานหน้าจอหลัก โดยจะแสดงข้อมูลที่จำเป็น เช่น การแจ้งเตือน สถานะการทำงาน หรือ Avatar ของผู้ติดต่อ พร้อมฟีเจอร์ Flip to Record ที่สามารถเริ่มถอดเสียง และสรุปบทสนทนาได้อัตโนมัติ ด้วยการคว่ำหน้าจอ นอกจากนี้ยังมาพร้อม Nothing OS 3.5 บนระบบปฏิบัติการ Android 15 ซึ่งมีฟีเจอร์อย่าง Essential Search และ Essential Space ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ โดย Nothing รับประกันการอัปเดตระบบปฏิบัติการนาน 5 ปี และระบบความปลอดภัยนาน 7 ปี ด้วย

สเปกของ Nothing Phone (3)

• หน้าจอ: AMOLED แบบยืดหยุ่นขนาด 6.67 นิ้ว
  • ความละเอียด: 1260 x 2800 พิกเซล (460 PPI)
  • รีเฟรชเรต: 120 Hz
  • ความสว่าง: 800 นิต (ทั่วไป), 1600 นิต (โหมดสว่างสูง), 4500 นิต (สูงสุด)
  • กระจกหน้าจอ: Corning® Gorilla® Glass 7i
• ชิปเซต: Qualcomm Snapdragon 8S Gen 4
  • หน่วยความจำ: 256GB / 512GB
  • RAM: 12GB / 16GB
  • (รุ่นที่วางจำหน่าย: 12GB+256GB, 16GB+512GB)
• กล้องหลัง: 3 ตัว
  • กล้องหลัก: 50 ล้านพิกเซล (f/1.68), พร้อมระบบกันสั่น OIS & EIS
  • กล้องเพอริสโคป: 50 ล้านพิกเซล (f/2.68), ซูมออปติคัล 3 เท่า, พร้อมระบบกันสั่น OIS & EIS
  • กล้องอัลตร้าไวด์: 50 ล้านพิกเซล (f/2.2), มุมกว้าง 114°
• กล้องหน้า: 50 ล้านพิกเซล (f/2.2)
• แบตเตอรี่: Si/C Li-Ion 5,150 mAh
  • รองรับชาร์จไว 65 วัตต์
  • รองรับชาร์จไร้สาย 15 วัตต์
  • รองรับการชาร์จย้อนกลับ (ไร้สาย 5W, มีสาย 7.5W)
• ซอฟต์แวร์: Nothing OS 3.5 (บนพื้นฐาน Android 15)
• สีให้เลือก: 2 สี
  • ขาว
  • ดำ

Nothing Headphone (1)

Headphone (1) เป็นหูฟังแบบครอบหูรุ่นแรกของ Nothing ที่ได้ร่วมมือกับ KEF แบรนด์เครื่องเสียงจากอังกฤษ ในการจูนเสียง โดยเน้นการออกแบบที่โปร่งใส ตามแนวคิดของแบรนด์ และการควบคุมที่ใช้งานได้ง่าย โดยอดัม เบตส์ หัวหน้าทีมออกแบบของ Nothing กล่าวว่า หูฟังรุ่นนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตในทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่การควบคุมไปจนถึงดีไซน์ เพื่อเชื่อมโยงผู้ใช้เข้ากับประสบการณ์เสียงที่สะท้อนตัวตน

ตัวหูฟังโดดเด่นด้วยดีไซน์โปร่งใสที่มองเห็นโครงสร้างภายใน ใช้วัสดุระดับพรีเมียมอย่างอะลูมิเนียมขึ้นรูป และชิ้นส่วนที่ผลิตด้วย CNC ที่มีความแม่นยำสูง พาร์ตที่ครอบหูทำจากเมมโมรี่โฟมเคลือบ PU นอกจากนั้น ยังได้ใช้ระบบควบคุมแบบสัมผัสจริง (Tactile Controls) ผ่านปุ่มหมุน (Roller) ปุ่มโยก (Paddle) และปุ่มกด (Button) เพื่อให้สามารถปรับระดับเสียง จัดการเพลง หรือสลับโหมดตัดเสียงรบกวนได้แม่นขึ้น

ส่วนเรื่องคุณภาพเสียง ได้ใช้ Dynamic Driver ขนาด 40 มิลลิเมตร ที่ปรับแต่งเสียงโดย KEF เพื่อให้ได้เสียงที่เป็นธรรมชาติในทุกย่านความถี่ รองรับ Hi-Res Audio และ LDAC ในการเชื่อมต่อไร้สายให้ได้คุณภาพดี พร้อมทางเลือกการเชื่อมต่อแบบมีสายผ่านพอร์ต USB-C และ 3.5 มิลลิเมตร และยังมีฟีเจอร์ Spatial Audio ที่สร้างเสียงรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมระบบติดตามการเคลื่อนไหวของศีรษะเพื่อปรับเสียงแบบเรียลไทม์

Headphone (1) มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ที่ใช้ไมโครโฟนคู่ในการปรับระดับการตัดเสียงรบกวนภายนอก และโหมด Transparency สำหรับรับฟังเสียงรอบข้าง ใช้ไมโครโฟน ENC 4 ตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งผ่านการเรียนรู้จากสถานการณ์เสียงรบกวนกว่า 28 ล้านรูปแบบ ทำให้เสียงพูดในการสนทนาคมชัด แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง

ส่วนแบตเตอรี่ Nothing บอกว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 35 ชั่วโมง เมื่อเปิดโหมด ANC และรองรับการชาร์จเร่งด่วนเพียง 5 นาที เพื่อใช้งานต่อได้นาน 2.4 ชั่วโมง เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.3 และมีฟีเจอร์ Channel Hop ที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าปุ่ม เพื่อสลับการเล่นเสียงระหว่างแอปพลิเคชันต่าง ๆ หรือเรียกใช้ฟังก์ชันที่ต้องการได้รวดเร็วผ่านแอปพลิเคชัน Nothing X ซึ่งมาพร้อม Advanced EQ แบบ 8 แบนด์ สำหรับการปรับแต่งโปรไฟล์เสียงอย่างละเอียดด้วย

ราคาและการวางจำหน่าย

Phone (3) มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Black และ White โดยมีความจุ 12 GB + 256 GB ในราคา 27,999 บาท และความจุ 16 GB + 512 GB ราคา 30,999 บาท ส่วน Headphone (1) มี 2 สีเช่นกัน คือ Black และ White ในราคา 8,999 บาท

สำหรับประเทศไทย จะมีการเปิดขายรอบพิเศษ Limited Drop ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ที่ Nothing Store (One Bangkok) และร้าน Carnival (CentralWorld) โดยคนที่ซื้อ Phone (3) จะได้รับสิทธิ์อัปเกรดความจุฟรี พร้อมของสมนาคุณ และผู้ซื้อ Headphone (1) จะได้รับเคสป้องกันแถมไปด้วย

การสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-order) จะเริ่มในวันและเวลาเดียวกัน ผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ และช่องทางออนไลน์ โดย Phone (3) รุ่นความจุ 16 GB + 512 GB จะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ส่วนรุ่น 12 GB + 256 GB จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 สิงหาคม สำหรับ Headphone (1) จะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม เป็นต้นไป นอกจากนี้ Nothing ยังได้ยกระดับบริการหลังการขายด้วยสายด่วน 24 ชั่วโมงและศูนย์บริการ 10 แห่งทั่วประเทศด้วย