Infinix ไทย เปิดตัวสมาร์ตโฟนซีรีส์ใหม่ ‘HOT 60 Series’ ในไทยอย่างเป็นทางการ นำด้วยรุ่น HOT 60 Pro+ ที่เน้นดีไซน์จอโค้ง 3 มิติ และบางแค่ 5.95 มิลลิเมตร พร้อมเปิดตัวอีกสองรุ่นคือ HOT 60 Pro และ HOT 60i ที่เน้นดีไซน์บาง ในราคาประหยัด
สมาร์ตโฟนในซีรีส์ HOT 60 ได้รับการออกแบบ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการแสดงออกถึงตัวตนผ่านสีสันที่สดใส โดยมีตัวเลือกถึง 10 แบบ ซึ่งอ้างอิงจากโทนสีของธรรมชาติ เช่น สีไฮไลท์ Coral Tides (ชมพู) ที่ได้แรงบันดาลใจจากคลื่นทะเล และหาดทรายสีชมพูบนเกาะโคโมโด นอกจากนี้ยังมาพร้อมผู้ช่วย AI อัจฉริยะ ‘Folax’ ที่เรียกใช้งานผ่านปุ่มเฉพาะ และทำงานบนระบบปฏิบัติการ XOS 15.1.1 (บนพื้นฐานของ Android 15) ด้วย
สำหรับรุ่นท็อปของซีรีส์อย่าง HOT 60 Pro+ ทาง Infinix ได้ชูจุดเด่นด้านดีไซน์ โดยเคลมว่าเป็นสมาร์ตโฟนหน้าจอโค้ง 3 มิติที่บางที่สุดในโลก ด้วยความบางที่ 5.95 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเบาที่ 155 กรัม การออกแบบนี้ เกิดขึ้นได้จากวิศวกรรมโครงสร้างภายในแบบกระจายแบนราบ (Distributed Flat Architecture) ที่ช่วยลดความหนาของตัวเครื่องลง 12.5% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ด้านความทนทาน ตัวเครื่องใช้โครงสร้างอะลูมิเนียมระดับอากาศยาน เสริมความแข็งแรงหน้าจอด้วยกระจก Corning® Gorilla® Glass 7i และได้มาตรฐานกันน้ำและฝุ่นในระดับ IP65 ด้วย
ในด้านประสิทธิภาพ Infinix HOT 60 Pro+ เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่เปิดตัวพร้อมชิปเซต MediaTek Helio G200 ซึ่งทำงานร่วมกับระบบระบายความร้อน 11 ชั้น ที่ช่วยลดอุณหภูมิชิปเซตได้สูงสุด 5 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าจอแสดงผลเป็นแบบ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K พร้อมรีเฟรชเรต 144Hz และความสว่างสูงสุด 4,500 นิต เพื่อให้ใช้งานกลางแจ้งได้ชัดมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ AI Eye Comfort สำหรับถนอมสายตาขณะเล่นเกม และใช้งานทั่วไปได้ด้วย
ด้านการถ่ายภาพ มาพร้อมกล้องหลักเซนเซอร์ SONY IMX882 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่รองรับการประมวลผลภาพแบบ AI RAW และการซูม 2 เท่า โดยไม่เสียรายละเอียด ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 5,160 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W ที่สามารถชาร์จจาก 1% ถึง 50% ได้ใน 23 นาที และยังมีคุณภาพเสียงผ่านลำโพงสเตอริโอคู่ ที่ปรับแต่งโดย JBL กับมีฟีเจอร์พิเศษอย่าง UltraLink Free Call สำหรับการสื่อสารผ่านบลูทูทในระยะไกลสูงสุด 1.5 กิโลเมตร โดยวางจำหน่ายในราคา 6,499 บาท (256GB+ 8GB) มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ Titanium Silver (เงิน), Sleek Black (ดำ), Misty Violet (ม่วง), Sonic Yellow (เหลือง) และ Coral Tides (ชมพู)
ในส่วนของรุ่น HOT 60 Pro ถูกวางตำแหน่งเป็นรุ่นกลาง ที่ยังมีประสิทธิภาพไว้อย่างครบถ้วน โดยใช้ชิปเซต MediaTek Helio G200 เช่นเดียวกับรุ่น Pro+ และได้รับการรับรองจาก TÜV SÜD ด้านการใช้งานที่ลื่นไหลต่อเนื่องนาน 60 เดือน ทำให้มั่นใจได้ในประสิทธิภาพระยะยาว นอกจากนี้ ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,160 mAh และรองรับระบบชาร์จเร็วสูงสุด 45W เช่นกัน
แม้จะมีสเปกหลักใกล้เคียงกัน แต่ Infinix HOT 60 Pro ยังมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการเสริมวงแหวนโลหะ และขอบตัดรอบโมดูลกล้อง ที่สะท้อนถึงปุ่ม AI One-Tap ด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งรุ่นนี้ มีวางจำหน่ายสองขนาดความจุ ได้แก่ รุ่น 256GB+8GB ราคา 5,499 บาท และรุ่น 128GB+8GB ราคา 4,999 บาท โดยมีให้เลือก 4 สี คือ Titanium Silver, Sleek Black, Sapphire Blue และ Coral Tides
สำหรับรุ่นเล็กสุดในซีรีส์อย่าง HOT 60i ถูกวางตำแหน่งให้เป็นตัวเลือกที่เข้าถึงง่ายที่สุด แต่ยังคงให้สเปกที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้อย่างดี โดยมาพร้อมหน่วยความจำขนาดใหญ่ RAM 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB ซึ่งถือเป็นจุดเด่นในสมาร์ตโฟนระดับราคานี้
Infinix HOT 60i วางจำหน่ายในราคา 3,999 บาท ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ตโฟนที่คุ้มค่า มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Titanium Silver, Sleek Black และ Shadow Blue โดย Infinix HOT 60 Pro+ และ HOT 60 Pro วางจำหน่ายแล้วพร้อมกันทั่วประเทศผ่านร้านค้าชั้นนำและช่องทางออนไลน์ ในขณะที่ Infinix HOT 60i จะวางจำหน่ายเฉพาะบนร้านค้าที่ร่วมรายการ คือ BaNANA, Jaymart, IT City และ TG FONE สาขาที่ร่วมรายการ