Apple เผยแพร่เอกสาร “Longevity, by Design” เผยแนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ iPhone ใช้ได้นาน ในขณะที่รักษาสมดุลย์กับความจำเป็นในการซ่อม
ถ้าใครใช้อุปกรณ์ของ Apple นั้นจะรู้ดีว่าดีไซน์ค่อนข้างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ Mac ซึ่งหลายชิ้นถือเป็นไอคอนในประวัติศาสตร์ แต่ในขณะเดียวกันการใช้งานก็ค่อนข้างทนทานสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องหลายปีจนคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป
ล่าสุดทาง Apple ได้เผยแพร่เอกสารชื่อว่า “Longevity, by Design” เผยแนวคิดในการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะถึงมือผู้ใช้
เอกสารมีทั้งหมด 24 หน้า โดยเนื้อหาหลักก็คือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีอายุการใช้งานยาวนานนั้นเป็นความพยายามของทั้งบริษัท Apple อยุ่ในการตัดสินใจเริ่มแรกก่อนที่จะพัฒนาต้นแบบตัวแรกออกมา ซึ่งใช้ข้อมูลจากการใช้งานของลูกค้าในอดีตและการคาดการณ์เกี่ยวกับการใช้งานในอนาคต
สิ่งนี้ทำให้ Apple ต้องพิจารณาความสมดุลของความทนทาน การออกแบบ และความสามารถในการซ่อมแซมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็รักษาความปลอดภัย การรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว
“แนวทางการทำงานนี้ทำให้ Apple กลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในแง่ของอายุการใช้งานที่ยืนยาว โดยวัดจากมูลค่าของผลิตภัณฑ์มือสองของเรา, อายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และลดอัตราการให้บริการ”
สิ่งที่ Apple ให้ความสำคัญคือ การทดสอบความน่าเชื่อถือ (reliability testing) เพื่อพิจารณาร่วมกับกระบวนการออกแบบ ทดสอบผลิตภัณฑ์ และวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
ต่อมาคือ การสนับสนุนระบบปฏิบัติการที่เปรียบเหมือนเสาหลัก ของการใช้งานที่ยืนยาว รวมถึงอัปเดตความปลอดภัยและการแก้ไขข้อบกพร่อง ด้วยการสนับสนุนนานถึง 6 ปีนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก
แม้ผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นมักจะถูกวิจารณ์ว่าซ่อมยาก แต่ทาง Apple ก็พยายามปรับปรุงเรื่องเหล่านี้ตลอดเวลา พร้อมออกชุดซ่อมด้วยตัวเองให้กับคนที่อยากซ่อมเครื่องด้วยตัวเอง
ทาง Apple มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงอายุการใช้งานของอุปกรณ์โดยปฏิบัติตามหลักการออกแบบ เพื่อแก้ปัยหาความยากในการซ่อมและปัจจัยอื่นๆเช่น ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การเข้าถึงบริการซ่อมแซม การรักษาความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย และสร้างความโปร่งใสในการซ่อมแซม
Apple ยืนยันว่า แม้จะออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและลดการซ่อมแซมให้น้อยที่สุด แต่ก็ต้องออกแบบให้มีความเป็นไปได้ที่จะซ่อมแซม ในขณะเดียวกันก็รักษาความทนทานไว้
หลักการแรกของ Apple คือ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงเป้าหมายคาร์บอนเป็นกลางของ Apple และการใช้วัสดุรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่มากขึ้น โดยเชื่อว่าการให้ความสำคัญกับอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์แทนความสามารถในการซ่อมแซมจะสร้าง “การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ”
หลักการที่สอง คือ การเข้าถึงบริการซ่อมแซม ไม่ว่าจะเป็น Apple, หน่วยงานซ่อมของบุคคลที่สาม หรือซ่อมด้วยตัวเอง โดยที่ผ่านมาทาง Apple ได้เพิ่มขนาดเครือข่ายการบริการและการซ่อมแซมเป็นสองเท่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
Safety, Security และ Privacy คือ สามแกนหลักที่ Apple ให้ความสำคัญมาก โดยความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้จะไม่ถูกละเมิดทั้งระหว่างหรือหลังการซ่อม ซึ่ง Apple ได้ใช้ระบบ cloud มาช่วยวินิจฉัยอาการเสีย เพื่อให้สตาฟไม่จำเป็นต้องขอรหัสผ่านของผู้ใช้
นอกจากนี้ ยังบอกรายละเอียดการรักษาความปลอดภัยด้วย biometric และ ned เพื่อรักษาความปลอดภัยในระดับสูง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น Apple จึงใช้ชิ้นส่วนของแท้ในการซ่อมแซม
หลักการที่ 4 คือ ความโปร่งใสในการซ่อม ซึ่งลูกค้ามีสิทธิ์ที่รู้ว่า มีการซ่อมส่วนไหนที่สำคัญบ้างและใช้อะไหล่จาก Apple เพราะบางชิ้นส่วนอย่างเซนเซอร์ Face ID หรือ Touch ID จะไม่สามารถทำงานได้ หากไม่ใช้อะไหล่แท้จาก Apple
ทาง Apple มุ่งหวังที่จะรับประกันว่าผลิตภัณฑ์จะ “เกินความคาดหมาย” ในด้านความทนทานและประสิทธิภาพโดยใช้ข้อมูลและความมุ่งมั่นเพื่อเป็นแนวทางในการผลิต สิ่งนี้หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ทนทานและเชื่อถือได้ สามารถซ่อมแซมได้โดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใส
ที่มา https://appleinsider.com/articles/24/06/26/apples-longevity-by-design-initiative-is-a-balance-between-repairability-secure-engineering