ราคา RAM พุ่งไม่หยุด ยืดเยื้ออย่างน้อย 2 ปี เหตุเพิ่มกำลังผลิตไม่ทันความต้องการ

THE SUMMARY:

ใครที่ต้องการใช้งาน RAM ต้องวางแผนรับมือให้ดี เพราะราคาจะพุ่งติดตอยอย่างน้อย 2 ปี เนื่องจากบริษัทใหญ่ Samsung และ SK Hynix ที่ครองส่วนแบ่งตลาดรวมกัน 70% ไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ทันตามความต้องการที่มากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายรายประเมินว่า ปัญหาขาดแคลนอาจยืดเยื้อไปจนถึงปี 2028 หรืออาจนานกว่านั้น เนื่องจากสองผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอย่าง Samsung และ SK Hynix ที่ครองส่วนแบ่งรวมกว่า 70% ต่างส่งสัญญาณว่าไม่พร้อมขยายกำลังการผลิต DRAM ได้ทันตามความต้องการ

DRAM

ด้วยความต้องการที่พุ่งขึ้นเร็วยิ่งกว่าการขยายกำลังผลิตทำให้เกิดช่องว่างด้านอุปทาน โดย TrendForce คาดว่าในปี 2026 อุปทานการใช้งาน RAM จะเพิ่มขึ้น 23% แต่ความต้องการจะกระโดดขึ้นถึง 35% ทำให้เกิดการขาดแคลนต่อเนื่อง

ตัวแทน Samsung ระบุในเวทีประชุมนักลงทุนว่า บริษัทจะไม่เร่งขยายโรงงานในเร็ว ๆ นี้ แต่จะเดินเกมอย่างระมัดระวังเพื่อรักษากำไรระยะยาว ด้วยการบริหารงบลงทุน (CAPEX) อย่างรอบคอบ เพื่อลดความเสี่ยงอุปทานล้นตลาด ควบคู่กับการรักษาสมดุลระหว่างความต้องการของลูกค้าและระดับราคา โดยปัจจุบัน Samsung รองรับคำสั่งซื้อ DRAM ได้เพียงราว 70% เท่านั้น

แถมซัมซุงยังส่งสัญญาณชัดว่า จะไม่ทำสัญญาระยะยาวจำนวนมากเพื่อช่วยลูกค้าลดผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการผูกปริมาณขายกับลูกค้ารายใดรายหนึ่งในช่วงที่ราคาหน่วยความจำกำลังไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว

ฟากของ SK Hynix แม้จะมีกลยุทธ์เชิงรุกมากกว่าในแง่การลงทุนเพิ่มกำลังผลิต แต่ก็ยอมรับว่าการเร่งผลิตให้ทันตวามต้องการที่พุ่งขึ้นรวดเร็วเป็นเรื่องท้าทาย แม้ในปี 2569 ทางบริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 30% ของยอดขายเพื่อพัฒนาโรงงาน และเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ DRAM รุ่น 1c แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาการขาดแคลนอุปทานได้ในระยะสั้น

ทางฝั่งสหรัฐฯ Micron ก็เดินหน้าทุ่มเงินเกือบ 1 หมื่นล้านเหรียญเพื่อสร้างโรงงาน DRAM แห่งใหม่ในญี่ปุ่น คาดว่าจะเริ่มส่งมอบชิปรุ่นแรกได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2028 ส่งผลให้ Tech Insight ประเมินว่า วิกฤตอุปทานครั้งนี้มีแนวโน้มยืดเยื้อไปหลังปี 2028

เมื่อมองในภาพรวมจะเห็นได้ชัดว่าทางผู้ผลิตพยายามเพิ่มกำลังผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะหากเร่งผลิต RAM จำนวนมหาศาลในช่วงกระแส AI พุ่งแรง แล้วสุดท้ายอาจเกิดเหตุฟองสบู่แตกจนเกิดภาวะล้นตลาด ส่งผลให้กำไรลดลงอย่างหนัก

นั่นหมายความว่าตราบใดที่กระแส AI ยังร้อนแรง ราคาหน่วยความจำก็จะยังคงสูงต่อเนื่อง ทางเดียวที่ทำให้ราคากลับสู่ภาวะปกติก็อาจเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งก็คือการแตกของฟองสบู่ AI ที่จะส่งผลให้ตลาดโดยรวมชะลอตัว

ที่มา pcgamer

นักเขียนสาย Introvert ที่ชื่นชอบเรื่องนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ใช้เวลาว่างกับ มังงะ, เสียงเพลงและ idol

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...