WD และ Seagate ยอดขาย HDD พุ่ง ! จากกระแส AI บูม เพิ่มดีมานด์ Storage ขนาดใหญ่

แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความนิยมในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอย่าง ‘Hard Disk Drive’ (HDD) จะมีแนวโน้มที่ลดลงในหมู่ผู้ใช้งานทั่วไป จากการมาของ Flash Memory อย่าง ‘Solid State Drive’ (SSD) ที่มีความเร็วสูงกว่ากันหลายเท่า กับราคาที่จับต้องได้ง่ายมากขึ้น

ล่าสุด มีรายงานว่าผู้ผลิต HDD รายใหญ่อย่าง Western Digital (WD) และ Seagate ยอดขายกลับมาเติบโตอีกครั้ง จากกระแสการมาของเทคโนโลยี AI ที่ทำให้ต้องพึ่งพาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่าง HDD ซึ่งใช้สำหรับศูนย์ Datacenter

พวกคุณจะไม่มี AI ใช้ หากไม่มีข้อมูล และคุณก็จะไม่มีข้อมูล หากไม่มีพื้นสำหรับที่จัดเก็บมัน

คริส เซนเนซาเอล (Kris Sennesael) ประธานฝ่ายการเงินของ Western Digital กล่าวไว้ที่งานประชุมของบริษัท Goldman Sachs

จากที่เหล่าผู้ผลิตต้องเจอกับสภาวะถดถอยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งจากผู้บริโภคที่ต่างหันไปใช้ SSD และการเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยี Cloud แต่ทั้งหมดกำลังเปลี่ยนไป เมื่อบริษัท AI ต่าง ๆ เริ่มสร้าง และฝึกฝนโมเดลขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้ข้อมูลระดับ Exabytes (ระดับ 1,000 ล้าน GB)

ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ผลิต HDD กลายเป็นผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า และสามารถขึ้นราคาอุปกรณ์ได้ถึง 30% จากดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้น โดย WD มียอดส่งออก HDD เพิ่มขึ้นสูงถึง 32% เทียบจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และ Seagate ที่ 45% ทำให้รายได้ของทั้ง 2 บริษัทพุ่งขึ้นราว ๆ 30% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่พบได้ยากในอุตสาหกรรมที่ถูกมองว่าถึงจุดอิ่มตัวแล้ว

ช่วง Covid-19 เคยทำให้ดีมานด์ HDD พุ่งขึ้นในปี 2020 มาแล้ว จากการเรียน และทำงานทางไกล ก่อนจะหดตัวลงอีกครั้งเมื่อสำนักงาน และโรงเรียนกลับมาเปิดตัว โดยรายงานระบุว่ารายได้ HDD ทั่วโลกลดลงเกือบ 30% ในปี 2023

ตัวอย่างสำคัญมาจากรายงานหลังที่ทาง Google เปิดตัวเครื่องมือวิดีโอ AI ‘Flow’ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ใช้งานสร้างวิดีโอจากเครื่องมือดังกล่าวไปแล้วถึง 100 ล้านคลิป ภายใน 3 เดือน ตอกย้ำถึงดีมานด์ด้านอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีมากอยู่แล้ว

ทำให้คาดได้ว่าในปีหน้ารายได้จาก HDD อาจขึ้นไปแตะระดับ 24,000 ล้านเหรียญ (ประมาณ 764,000 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับในปี 2023

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ช่วยหนุน อย่างเทคโนโลยี Cloud computing ซึ่งเป็นรายได้หลักของ WD กว่า 90% ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา รวมไปถึงคู่แข่งในตลาดอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลความจุสูงที่มีเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้น รวมไปถึงการที่ WD และ Seagate ยังลงทุนในเทคโนโลยี ‘HAMR’ (Heat-Assisted Magnetic Recording) เพิ่มความจุให้สูงเกิน 30TB ต่อไดร์ฟ (Seagate เริ่มส่งมอบแล้ว ในขณะที่ WD คาดว่าจะเริ่มในอีก 1-2 ปีข้างหน้า)

และแม้ว่า SSD จะเร็วกว่า HDD มากเพียงใด แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องความจุ, อายุการใช้งาน และราคาที่สูงกว่า ทำให้ HDD ยังครองสัดส่วนกว่า 80-90% ในตลาด datacenter

รวมไปถึงการทำสัญญาของทั้ง 2 บริษัท HDD ยักษ์ใหญ่ก็กำลังเปลี่ยนไป เริ่มทำสัญญาซัปพลายระยะยาวกับเหล่าลูกค้า Cloud และ AI ซึ่งบางกรณีล็อกสัญญาไว้ยาวข้ามปี จากเดิมที่เน้นขายในตลาดแบบ ‘spot market’ ทำให้ธุรกิจมีความมั่นคง และมีกำไรที่สูงขึ้นอีกด้วย

ที่มา: TechSpot

บดินทร์ ตันวิเชียร

'ช่างภาพ' ที่เขียนคอนเทนต์ได้ หาเงินซื้อเปียกให้แมว 3 ตัว ที่บ้าน