
หลังจากเป็นปัญหายืดเยื้อมานาน ระหว่างแบรนด์ดังอย่าง DJI และคณะกรรมการการสื่อสารแห่งสหรัฐฯ (Federal Communications Commission หรือ FCC) ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ 22 ธันวาคม ได้มีประกาศจาก FCC ออกมาแล้วว่า จะทำการแบน DJI เข้าสู่บัญชี Covered List ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ทำให้แบรนด์ไม่สามารถนำเข้าโดรนหรืออุปกรณ์รุ่นใหม่สู่ตลาดสหรัฐฯ ได้อีกต่อไป…
มาตรการดังกล่าวมีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2025 และถือว่าเป็นการแบนอย่างเป็นทางการต่อโดรน DJI รุ่นใหม่ รวมถึงโดรนต่างประเทศที่ยังไม่เคยได้รับอนุมัติมาก่อน โดยในแถลงการณ์ของ FCC ระบุไว้ว่าอากาศยานไร้คนขับ (UAS) จากต่างประเทศ และชิ้นส่วนสำคัญของโดรนจะถูกเพิ่มเข้าไปยังบัญชี Covered List เพื่อเป็นการยกระดับความปลอดภัยสาธารณะ ที่อาจนำไปสู่ภัยคุกคามด้านการเฝ้าระวัง ข้อมูลรั่วไหลหรือช่องโหว่ด้านความปลอดภัย แม้จะไม่ได้ระบุชื่อ DJI โดยตรง แต่ก็เข้าข่ายมาตรการดังกล่าวเช่นกัน
ส่งผลให้อุปกรณ์ที่ถูกจัดอยู่ในบัญชีดังกล่าวจะไม่สามารถรับการอนุญาตให้นำเข้า และจำหน่ายในสหรัฐฯ ได้อีกต่อไป เว้นแต่จะได้รับการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากหน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหมหรือกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
FCC ไม่ได้เป็นเพียงหน่วยงานเดียวที่ผลักดันในเรื่องนี้ แต่เป็นการต่อยอดมาจากคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ในหัวข้อ “Restoring American Airspace Sovereignty” ที่มีประกาศใช้ออกมาตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
หนึ่งในบริษัทที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการแบนครั้งนี้ ได้แก่ ‘Unusual Machines’ ผู้ผลิตโดรนสัญชาติอเมริกัน ซึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ (Donald Trump Jr.) บุตรคนโตของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เข้าร่วมเป็นคณะที่ปรึกษาของบริษัทหลังการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2024 ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่นั้น และขยับขึ้นอีกครั้งหลังการแถลงข่าวของ FCC
ด้าน DJI แสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจของ FCC ที่เพิ่มโดรนจากต่างประเทศเข้าสู่บัญชี Covered List โดยระบุว่า แม้ DJI จะไม่ได้ถูกพาดพิงโดยตรง แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลหรือหลักฐานที่ใช้ในการตัดสินใจดังกล่าว พร้อมย้ำจุดยืนสนับสนุนตลาดที่เปิดกว้าง และมีการแข่งขัน อีกทั้งยังระบุว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นหนึ่งในโดรนที่ปลอดภัย และผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ และองค์กรอิสระมาแล้วหลายครั้ง ขณะที่ข้อกังวลด้านความปลอดภัยของข้อมูลยังไม่เคยมีหลักฐานยืนยันแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อผู้ใช้ DJI ในปัจจุบัน เรียกง่าย ๆ ว่าใครซื้อมาแล้วก็ยังสามารถใช้งานได้เหมือนเดิมต่อไป ส่วนโดรนรุ่นใหม่แม้จะมีโอกาสได้รับการอนุมัติในอนาคต แต่ความเป็นไปได้ก็ยังมีค่อนข้างต่ำ จากข้อเท็จจริงที่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เคยเริ่มการตรวจสอบด้านความมั่นคงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ทำให้เห็นชัดว่าการแบนครั้งนี้แทบจะถูกตัดสินไว้ล่วงหน้าแล้วนั่นเอง
การแบนครั้งนี้ยังกระทบทั้งอุตสาหกรรมผู้ผลิตภาพยนตร์ และช่างภาพที่ใช้โดรนเป็นหลักที่อาจทำให้เจอข้อจำกัดได้ในอนาคต รวมไปถึงหน่วยงานกู้ภัยต่าง ๆ ที่ต้องพึ่งพาโดรนคุณภาพสูง ทำให้อาจต้องมองหาเครื่องมืออื่น ๆ ทดแทน
แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะอ้างว่ามาตรการนี้ทำให้อเมริกาปลอดภัยมากขึ้น แต่ความจริงยังไม่ชัดเจนว่านี่คือความมั่นคงหรือเป็นเพียงการกีดกันทางเศรษฐกิจในนามความมั่นคงกันแน่ ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไปว่าโดรนจากต่างประเทศรุ่นใดบ้างที่จะได้รับการยกเว้น และสามารถเข้าสหรัฐฯ ได้ในปี 2026 เป็นต้นไป…
ที่มา: PetaPixel





