ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะเข้าซื้อหุ้น Intel จำนวน 9.9% โดยใช้เงินลงทุนราว 8,900 ล้านเหรียญ ในราคาหุ้นละ 20.47 เหรียญ ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาปิดตลาดของ Intel ของที่ประกาศ 4 เหรียญต่อหุ้น
เงินสำหรับซื้อหุ้น Intel ในครั้งนี้ เป็นเงินที่มาจากโครงการ CHIPS Act และโครงการ Secure Enclave ที่เคยจัดสรรไว้แต่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ในสมัยยุคประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Bieden) มาใช้ซื้อหุ้น Intel ในครั้งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่า ทรัมป์ได้พบกับลิปบู ตัน (Lip-Bu Tan) เมื่อนวันศุกร์ หลังจากที่ทรัมป์เรียกร้องให้ตันลาออกเนื่องจากความสัมพันธ์ของตันกับบริษัทจีน
ตันเดินเข้ามาโดยต้องการที่จะรักษางานของตัวเองไว้ สุดท้ายเขาก็ยอมมอบเงิน 1 หมื่นล้านเหรียญกับสหรัฐอเมริกา ดังนั้น เราจึงได้เงินมา 1 หมื่นล้านดอลลาร์
โดนัลด์ ทรัมป์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โฮเวิร์ด ลัทนิก (Howard Lutnick) กล่าวใน X ว่า ตันได้บรรลุข้อตกลงที่ยุติธรรมต่อ Intel และยุติธรรมต่อประชาชนชาวอเมริกัน
ในเชิงนโยบายนั้น ดีลนี้ชัดเจนว่าทรัมป์กำลังผลักดันให้ สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน และเสริมสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลถือหุ้นในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอาจนำมาซึ่งการแทรกแซงทางธุรกิจ ไม่ว่าจะในเรื่องการบริหาร วางกลยุทธ์ หรือการจัดลำดับความสำคัญด้านการผลิต
ดีลนี้ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดาในประวัติศาสตร์การเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเป็นการแทรกแซงตลาดทุนโดยตรงจากรัฐบาลกลาง ซึ่งทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Intel
ที่มา Reuters