แม้สองบริษัทยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้อย่าง Samsung และ SK Hynix จะเคยหลีกเลี่ยงผลกระทบจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนได้ในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ล่าสุดทั้งสองอาจต้องเผชิญแรงสั่นสะเทือนอีก หลังสหรัฐฯประกาศยกเลิกสิทธิ์ส่งออกเครื่องจักรผลิตชิปไปยังโรงงานของพวกเขาในจีน
ก่อนหน้านี้ภายใต้การนำของรัฐบาลชุดก่อน สหรัฐฯ เคยอนุญาตให้ส่งออกเครื่องจักรผลิตชิปจากหลายบริษัท ได้แก่ KLA, Lam Research และ Applied Materials ไปยังจีนได้ แต่เมื่อไม่มีข้อยกเว้นนี้อีกต่อไป ทำให้ทั้งสองบริษัทไม่สามารถขยายหรืออัปเกรดศักยภาพการผลิตในจีนได้อีก
ทั้ง Samsung และ SK Hynix ต่างเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งสำคัญในตลาดชิปหน่วยความจำ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจบีบให้ทั้งสองต้องทบทวนแผนการลงทุนใหม่ทั้งหมด
การเพิกถอนข้อยกเว้นครั้งนี้กำลังจะมีผลในอีก 120 วันข้างหน้า โดยทางกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ออกมายืนยันว่ายังสามารถออกใบอนุญาตให้ทั้งสองบริษัทสามารถดำเนินงานในโรงงานประเทศจีนได้เช่นเดิม แต่จะไม่สามารถพัฒนาหรือขยายกำลังการผลิตเพิ่มได้
หลังประกาศในครั้งนี้ ทำให้มูลค่าหุ้นของ Samsung และ SK Hynix ร่วงอย่างหนักลงทันที โดย SK Hynix ร่วงถึง 4.8% ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจาก 30–40% ของชิป DRAM และ NAND Flash ของบริษัทถูกผลิตในจีน ในขณะที่ฝั่ง Samsung มูลค่าหุ้นลดลง 3% และมีเพียง 1 ใน 3 ของชิป NAND ที่ผลิตอยู่ในจีน
ซึ่งการเพิกถอนข้อยกเว้นในครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) พบกับ อี แจ มย็อง (Lee Jae Myung) ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ แม้การเจรจาจะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะพบกันอีกในอนาคต
รยู ยองโฮ (Ryu Young-ho) นักวิเคราะห์อาวุโสจาก NH Investment & Securities มองว่า ทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มจะหันมาเสริมสร้างศักยภาพการผลิตภายในเกาหลีใต้มากขึ้น ขณะที่โรงงานในจีนจะยังคงเดินหน้าต่อไป เพียงเพื่อรักษาสถานะทางการตลาดในประเทศ
อย่างไรก็ตาม หากทรัมป์เดินหน้าตามคำขู่ในการเก็บภาษีนำเข้าชิป 100% จริง อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอาจต้องเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ แม้ Samsung และ SK Hynix อาจพอรอดได้ เนื่องจากมีแผนลงทุนในสหรัฐฯอยู่แล้วนั่นเอง
ที่มา: TechSpot