
เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในหลายประเทศ ทั้งอินเดีย และปากีสถานได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังเคเบิลใต้ทะเลในเขตทะเลแดงหลายเส้นได้ขาดลง
แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายในครั้งนี้ แต่ก็มีความกังวลว่าสาเหตุอาจมาจากการโจมตีโดยกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ที่พยายามกดดันอิสราเอลให้ทำการยุติสงครามกับกลุ่มฮามาสในฉลวนกาซา แม้ในอดีตกลุ่มฮูตีได้ออกปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการโจมตีสายเคเบิลก็ตาม
สายเคเบิลใต้ทะเลถือว่าเป็นหนึ่งในกระดูกสันหลังของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ร่วมกับการเชื่อมต่อแบบอื่น ๆ เช่น ดาวเทียม และสายเคเบิลบนบก ตามปกติแล้วผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตหรือ ISP มักมีจุดเชื่อมต่อหลายเส้นทาง และสามารถเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลได้หากเส้นใดเส้นหนึ่งเกิดปัญหา แม้อาจทำให้ความเร็วการรับส่งข้อมูลลดลง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้พบว่าปัญหาดังกล่าวมาจากระบบสายเคเบิลใกล้เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยยังมีผลกระทบกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต Etisalat และ Du ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อีกด้วย
Microsoft ได้ออกมารายงานว่า ผู้ใช้บริการคลาวด์ Azure ของตน อาจประสบปัญหาพบ latency ที่สูงขึ้นจากสาเหตุดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการรับส่งข้อมูลในภูมิภาคตะวันออกกลาง
สำหรับ Microsoft Azure เป็นผู้ให้บริการคลาวด์อันดับ 2 ของโลก รองจาก Amazon AWS และบริษัทได้มีการเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลไปยังเครือข่ายทางเลือกอื่น ๆ แทนแล้ว ทำให้การรับส่งข้อมูลไม่ได้หยุดชะงัก แต่อาจมี latency ที่สูงขึ้นบ้าง





