
แอลจี เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 กวาดรายได้ 21.87 ล้านล้านวอน (503,000 ล้านบาท) และมีกำไรจากการดำเนินงาน 688.9 พันล้านวอน (15,800 ล้านบาท) โดยธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนยานยนต์ยังแข็งแกร่ง แม้เจอแรงกดดันภาษีสหรัฐฯ และตลาด EV ชะลอตัว
แอลจี กล่าวว่าผลงานนี้สะท้อนความสำเร็จในการปรับพอร์ตธุรกิจ มุ่งเน้นการเติบโตเชิงคุณภาพ โดยรุกขยายธุรกิจโซลูชันสำหรับองค์กร (B2B) เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ และระบบปรับอากาศ (HVAC) ควบคู่ไปกับกลุ่มธุรกิจสมัครสมาชิก (Subscription) โดยในไตรมาส 3 รายได้ B2B โตขึ้น 2% แตะ 5.9 ล้านล้านวอน ส่วนรายได้จากบริการสมาชิกพุ่งขึ้น 31%
กลุ่มธุรกิจที่โดดเด่นที่สุดคือ โซลูชันยานยนต์ (VS) ที่ทุบสถิติรายได้สูงสุดใหม่สำหรับไตรมาส 3 ที่ 2.65 ล้านล้านวอน (59,918 ล้านบาท) และสร้างกำไรจากการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 149,600 ล้านวอน (3,383 ล้านบาท) ส่งผลให้อัตรากำไรทะลุ 5% ได้เป็นครั้งแรก ขณะที่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (HS) ยังเป็นกำลังหลัก ทำรายได้ 6.58 ล้านล้านวอน และกำไร 365,900 ล้านวอน (8,280 ล้านบาท) จากกลยุทธ์เจาะตลาดพรีเมียมและตลาดแมสควบคู่กัน
สวนทางกับกลุ่มโซลูชันด้านสื่อและความบันเทิง (MS) ที่ขาดทุน โดยมีรายได้ 4.65 ล้านล้านวอน (105,226 ล้านบาท) แต่ขาดทุนจากการดำเนินงาน 302,600 ล้านวอน (6,848 ล้านบาท) จากการทุ่มงบการตลาดเพื่อรักษาการแข่งขัน และค่าใช้จ่ายโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด โดยแอลจีจะมุ่งปรับปรุงประสิทธิภาพธุรกิจทีวีและต่อยอดแพลตฟอร์ม webOS ต่อไปอีก
ส่วนกลุ่มโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อม (ES) ทำรายได้ 2.17 ล้านล้านวอน (49,105 ล้านบาท) แม้จะทำกำไรที่ 132,900 ล้านวอน (3,007 ล้านบาท) จะลดลงเล็กน้อยจากการขยายการลงทุน แต่ LG กล่าวว่าได้มองเห็นโอกาสในตลาดระบบปรับอากาศเชิงพาณิชย์ และระบบระบายความร้อนสำหรับศูนย์ข้อมูล AI โดยล่าสุดได้คว้าสัญญาในหลายภูมิภาคทั่วโลก และกำลังเตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลวด้วย
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4 LG คาดว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วโลกจะยังคงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก จากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวช้า และการแข่งขันสูง ประกอบกับความท้าทายจากนโยบายเงินอุดหนุน EV ของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบกลุ่มยานยนต์ แต่ LG บอกว่าจะยังมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนและรักษาระดับการทำกำไรต่อไป





