การที่รัฐบาลสหรัฐฯ​ ถือหุ้น Intel ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่บริษัทกำลังเจอ

THE SUMMARY:

อย่างที่เป็นข่าวไปเมื่อไม่นานมานี้ว่า Intel ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ถือหุ้นบริษัทกว่า 10% โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทางประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ก็ออกมาบอกว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับ Intel และสหรัฐอเมริกา แต่หลายฝ่ายมองว่านี่อาจไม่ใช่ทางออกที่ใช่ของ Intel อยู่ดี

ปัญหาหนึ่งของ Intel ในตอนนี้คือ Intel Foundry หรือธุรกิจโรงหล่อ/ผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับลูกค้าทั่วไปยังไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้าที่วางไว้ บริษัทสูญเสียโอกาสในการเซ็นสัญญาสำคัญหลายชิ้น เช่น สัญญากับ Sony รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 พบว่า Intel Foundry ขาดทุนไปถึง 3,100 ล้านเหรียญ บริษัทยังต้องปลดพนักงานนับพันตำแหน่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะโรงงานผลิตชิปได้รับผลกระทบหนักที่สุด และยังมีความขัดแย้งเรื่องแนวทางการดำเนินธุรกิจอีกด้วย

เควิน แคสสิดี้ (Kevin Cassidy) กรรมการผู้จัดการของ Rosenblatt Securities ให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch ว่าเขาไม่เห็นว่าข้อตกลงนี้จะช่วยแก้ปัญหาของ Intel ได้ แคสสิดี้มองว่าสิ่งที่ Intel Foundry ต้องการไม่ใช่เงินทุน แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการดูแลลูกค้าต่างหาก

Intel ไม่ได้เข้าใจเรื่องการบริการลูกค้า ที่ผ่านมา Intel มีวัฒนธรรมที่เน้นการผลิตสินค้าใช้ภายในเป็นหลัก ทำให้ขาดทักษะและแนวทางการดูแลลูกค้า มันยากที่จะเน้นการบริการลูกค้าเมื่อคุณคิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าคนอื่น

เควิน แคสสิดี้

ทั้งนี้ Intel ยังบอกว่าการที่รัฐลาลเข้ามาถึงหุ้นของบริษัทอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างประเทศด้วย โดยรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทในปีงบประมาณที่ผ่านมากว่า 76% มาจากนอกสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม มีเสียงที่มองในแง่ดีว่าการที่รัฐบาลสหรัฐเข้าสนับสนุน Intel อาจเป็นก้าวแรกที่ช่วยกระตุ้นให้บริษัทฟื้นฟูตัวเองได้ แม้ว่าจะไม่ใช่การแก้ไขปัญหาทั้งหมดก็ตาม การมีหุ้นส่วนรัฐบาลอาจช่วยให้ Intel มีบทบาทสำคัญในโครงการหรือความริเริ่มด้าน AI ของสหรัฐเอง เช่น ความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หรือการส่งเสริมการผลิตชิปภายในประเทศ เป็นต้น

ที่มา TechCrunch

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...