The New York Times รายงานจากเอกสารที่หลุดออกมาจาก Amazon ระบุว่าบริษัทวางแผนที่จะใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนการจ้างงานคนเพิ่มกว่า 600,000 คน
เอกสารที่หลุดมาเผยว่าทีมระบบอัตโนมัติของ Amazon กำลังดำเนินการเปลี่ยนการดำเนินงานของบริษัทเป็นระบบอัตโนมัติเพิ่มขึ้นเป็น 75% ของการดำเนินงานทั้งหมดในบริษัท และคาดว่าจะมีการเลิกจ้างพนักงานในสหรัฐอเมริกากว่า 160,000 ตำแหน่ง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 30% โดยคาดการณ์ว่าการนำระบบอัตโนมัติมาใช้จะช่วยให้ Amazon ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 12,600 ล้านเหรียญตั้งแต่ปี 2025 ไปจนถึงปี 2027
แน่นอนว่าการใช้หุ่นยนต์แทนการจ้างแรงงานคนจะได้รับกระแสตีกลับ แหล่งที่มาระบุว่า Amazon กำลังพิจารณาที่จะเข้าร่วมโครงการเพื่อชุมชนและหลีกเลี่ยงบางคำศัพท์อย่างระบบอัตโนมัติ และ AI อย่างไรก็ตาม โฆษกของ Amazon บอกกับทาง The Verge ว่า เอกสารที่หลุดออกมานั้นไม่ได้แสดงถึงกลยุทธ์การจ้างงานโดยรวมของบริษัททั้งในปัจจุบันและอนาคตแต่อย่างใด รวมถึงชี้แจ้งกับ The New York Times ต้นเรื่องว่าบริษัทไม่ได้หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์แต่อย่างใด
ขณะนี้เรากำลังเปิดรับสมัครพนักงานอย่างต่อเนื่องในศูนย์ปฏิบัติการทั่วประเทศ และเพิ่งประกาศแผนการจ้างงานเพิ่มเติมอีก 250,000 ตำแหน่งสำหรับช่วงเทศกาลวันหยุดที่กำลังจะมาถึง
Amazon
ท้ายที่สุดแล้ว หาก Amazon เลือกที่จะใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานจริงจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานเป็นวงกว้าง ดารอน อาเซโมกลู (Daron Acemoglu) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์เมื่อปีที่แล้วบอกกับทาง The New York Times ว่า “หนึ่งในนายจ้างรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นผู้ทำลายงาน ไม่ใช่ผู้สร้างงาน”
ที่มา The Verge