
หลังจากที่ Sony ได้ปูทางสู่ตลาดฟูลเฟรมมิเรอร์เลสเปลี่ยนเลนส์ได้เป็นเจ้าแรก กับ a7 series ที่ใช้เมาท์เลนส์ E-mount ตั้งแต่ปี 2013 หรือกว่า 12 ปีมาแล้ว ตามมาด้วย a7 II ฟูลเฟรมมิเรอร์เลสตัวแรกที่มีกันสั่น 5 แกน, a7 III รุ่นที่ยกเครื่องระบบโฟกัสแบบ AF-C ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนหลายคนต้องย้ายค่ายมาใช้ และ a7 IV ที่ยกระดับทั้งงานภาพนิ่ง และวิดีโอในตัวเดียว กับเซนเซอร์มาตรฐานใหม่ 33 ล้านพิกเซล
ในที่สุดเวลาก็เดินทางมาถึงจุดอัปเกรดอีกครั้ง กับ ‘a7 V’ ที่รอบนี้ยกเครื่องเซนเซอร์ใหม่ แบบ Partially Stacked ทำงานได้ไวกว่าเดิม มอบความเร็วที่เหนือกว่าทั้งระบบโฟกัส, ถ่ายรัวระดับ 30fps ไม่มี blackout, วิดีโอ 4K 60p แบบไม่ครอป และโหมด pre-burst สูงสุด 1 วินาทีที่หลายคนรอคอย ในรูปร่างบอดี้คล้ายกับรุ่นพี่สาย Hi-res อย่าง a7R V

หัวใจหลักในรุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยเซนเซอร์ฟูลเฟรม 33 ล้านพิกเซล ที่ยกระดับไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยี Partially Stacked ที่ให้ความเร็วที่สูงขึ้น แม้จะไม่ได้ไวระดับปิศาจเหมือนเซนเซอร์ Stacked ล้วน อย่างในรุ่น a9 III หรือ a1 II ข้อดีคือเซนเซอร์ประเภทนี้ยังได้ทั้ง Dynamic Range ที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่ได้ความเร็วที่มากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
ทางโซนี่เคลมว่าสามารถเก็บ Dynamic Range ได้กว้างถึง 16 สต็อป (Mechanical Shutter) ทำงานร่วมกับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ ‘Bionz XR2’ ที่รวมชิป AI ไว้ในตัวเดียว ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น ร้อนน้อยลง และโฟกัสได้แม่นยำกว่าที่เคย ตรวจจับได้ทั้ง คน, สัตว์, นก, แมลง, รถยนต์, รถไฟ, เครื่องบิน หรือจะเลือกโหมด Auto ให้กล้องวิเคราะห์เองก็ทำได้
อัปเกรดระบบโฟกัสในที่มืดได้สูงสุด -4 EV พร้อมกันสั่น 5 แกน ภายในบอดี้ที่เคลมว่าชดเชยได้สูงสุดถึง 7.5 สต็อปที่กลางเฟรมภาพ
ด้วยชิปประมวลผล และเซนเซอร์ที่ทรงพลังมากขึ้น รุ่นนี้สามารถยิงรัวถ่ายภาพต่อเนื่องได้เป็นปืนกลที่ 30fps แบบไม่มี blackout (ด้วย electronic shutter ส่วน mechanical ได้ที่ 10 เช่นเดิม) รัวอย่างเดียวไม่พอยังมีการวัดแสง และโฟกัสใหม่ให้ถึง 60 ครั้งต่อวินาที
กับอีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ดที่คนเรียกร้องกันมานาน กับ pre-burst สูงสุด 1 วินาที ที่ช่วยให้ไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญ เก็บภาพให้ก่อนกดชัตเตอร์ 1 วินาที สายอีเวนต์หรือถ่ายนกถ่ายสัตว์น่าจะชื่นชอบ

รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับวิดีโอ 4K/60p ไม่มีครอป แบบ oversampled จาก 7K ความละเอียดสูง หรือใครอยากถ่ายสโลวโมชันก็รองรับถึง 4K/120p (Crop 1.5x)
แน่นอนว่ามีฟีเจอร์ AI ใส่มาให้แน่น ๆ ทั้ง AI Auto Framing ที่ช่วยซูมหรือแพนครอปภาพให้แบบอัตโนมัติ เหมือนมีผู้ช่วยคอยเลี้ยงเฟรมอยู่ตลอดเวลา มาพร้อมกับโหมดใหม่ ‘Framing Stabilizer’ ล็อกกันสั่นติดตามวัตถุแม้ตัวกล้องจะเคลื่อนที่อยู่ก็ตาม
สำหรับสายเกรดสี รองรับทั้ง S-Log3, S-Cinetone อันเป็นเอกลักษณ์ ทำงานร่วมกับ LUT ที่ import ใช้งานเองได้ กับระบบเสียง 4 channel แบบ 24-bit

a7 V มากับบอดี้สไตล์เดียวกับ a7R V ทั้งจอพับได้แบบ 4 แกน ที่รองรับทั้งแนวตั้ง และแนวนอนสุดสะดวก ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 2.1 ล้านจุด แถมรองรับมาตรฐานสี DCI-P3
ด้าน EVF ยังคงสเปกเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ให้กำลังขยายสูงสุด 0.78x กับความละเอียด 3.68 ล้านจุด แต่ที่อัปเกรดมาคือสามารถถ่ายรัว 30fps โดยไม่มี blackout มากวนใจ

รุ่นนี้ยังทำจากโครงสร้างแมกนีเซียมอัลลอยด์แข็งแรงทนทาน กันละอองน้ำละอองฝุ่นเช่นเดิม พร้อมกับ graphite heat sink ช่วยถ่ายเทความร้อนได้ดีขึ้นขณะถ่ายวิดิโอ
พอร์ตต่าง ๆ เปลี่ยนมาใช้ USB-C ถึง 2 ช่อง ไม่มี micro USB อีกแล้ว สำหรับการถ่ายโอนข้อมูล และชาร์จพลังงานผ่านตัวกล้อง มีพอร์ตไมค์/หูฟัง 3.5mm, HDMI Full-size และช่องเสียบการ์ด 2 ช่อง: CFexpress Type A 1 ช่อง และ SD Card UHS-II อีก 1 ช่อง โดยมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 695 กรัม เท่านั้น

Sony a7 V เปิดราคาเฉพาะบอดี้มาที่ 2,899 เหรียญ (ประมาณ 92,000 บาท)
ที่มา: DPReview





