รีวิว Redmi Pad 2 แบบกระชับ : แท็บเล็ตตัวคุ้ม แบตอึดมาก สเปกไม่สูง แต่ราคาเบา

วงการแท็บเล็ตนี่เป็นวงการที่แข่งขันกันสูงไม่น้อยเลย โดยเฉพาะแท็บเล็ตราคาคุ้มค่า ที่การออกแท็บเล็ตที่เหมาะทั้งสายใช้งานทั่วไป สายนักเรียน นักศึกษาที่อยากใช้แท็บเล็ตแค่เริ่มต้น เรียนหนังสือ หรือใครที่แค่อยากได้แท็บเล็ตเอาไว้ใช้ดูหนัง ดูซีรีส์ ‘Redmi Pad 2’ เครื่องนี้อาจจะตอบโจทย์ของเราก็ได้นะ ใครที่กำลังเล็ง ๆ แท็บเล็ตราคาประหยัดอย่าง Redmi Pad 2 เครื่องนี้อยู่ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าน่าซื้อแค่ไหน ?

สเปกของ Redmi Pad 2

  • หน้าจอ: จอแสดงผลขนาด 11 นิ้ว LCD
    • ความละเอียด: 2.5K (2560 x 1600 พิกเซล), 274 ppi
    • รีเฟรชเรต: AdaptiveSync 90 Hz
    • ความสว่าง: 500 nits (ปกติ), 600 nits (โหมด Outdoor)
  • ชิปเซต: MediaTek Helio G100-Ultra
  • หน่วยความจำ (RAM): 4GB / 6GB / 8GB (LPDDR4X) (ขึ้นกับแต่ละรุ่น)
  • พื้นที่เก็บข้อมูล: 128GB / 256GB (UFS 2.2)
    • รองรับ MicroSD Card สูงสุด 2TB
  • กล้องหลัง: 8 ล้านพิกเซล (f/2.0)
  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล (f/2.2) (ตำแหน่งแนวนอน)
  • แบตเตอรี่: 9,000mAh
    • รองรับชาร์จไว: 18W
  • ซอฟต์แวร์: Xiaomi HyperOS 2 (บนพื้นฐานของ Android 15)
  • ระบบเสียง: ลำโพง 4 ตัว, รองรับ Dolby Atmos®
  • สีให้เลือก: 2 สี คือ Graphite Gray (สีเทากราไฟต์), Mint Green (สีเขียวมิ้นต์)

หน้าจอ

ต้องบอกว่าจุดเด่นที่สุดของ Redmi Pad 2 คือเรื่องหน้าจอเลย ด้วยขนาดที่ให้มาใหญ่ที่ 11 นิ้ว และความละเอียดสูงระดับ 2.5K ทำให้หน้าจอเวลามอง จะเห็นภาพที่ชัดไม่น้อยเลย ข้อดีของจอชัด ๆ คือเวลาดูซีรีส์, เรียนออนไลน์ผ่าน Zoom หรืออ่าน E-book ก็ให้ภาพที่ดูชัด และไม่ปวดตามากนัก เพราะภาพชัดมากพอนั่นเอง แถมยังได้อัตรารีเฟรช 90Hz มาด้วย ทำให้การไถหน้าจอหรือเล่นโซเชียลมีเดียลื่นไหลกว่าหน้าจอ 60Hz ทั่วไปอย่างรู้สึกได้

แต่ว่า ด้วยความที่ตัวเครื่องเป็นแท็บเล็ตระดับเริ่มต้น – กลาง ๆ ทำให้ YouTube สามารถเปิดได้ที่ความละเอียดสูงสุดได้แค่ 1440P เท่านั้น และด้วยความที่เป็นหน้าจอ LCD เลยทำให้ไม่สามารถแสดงผลแบบ HDR ได้นะ เพราะงั้น ถ้าเน้นเรื่องการใช้งานแบบเบื้องต้น หน้าจอนี้ถือว่าดีมากแล้ว

ที่สำคัญคือ Xiaomi ยังใส่ใจเรื่องสุขภาพสายตา โดยหน้าจอของ Redmi Pad 2 ได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ทั้งในด้านการลดแสงสีฟ้า (Low Blue Light) และการปราศจากการกระพริบ (Flicker-Free) ทำให้ใช้งานนาน ๆ แล้วตาล้าน้อยลง เหมาะกับน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาที่ต้องจ้องหน้าจอนาน ๆ เป็นพิเศษเลยล่ะ ที่จะเป็นข้อจำกัดคือหน้าจอ LCD นี่แหละ ที่ทำให้อาจจะยังเกิดอาการตาล้าบ้างเล็กน้อยเวลามองนาน ๆ

นอกจากนั้น ตัวเครื่อง Redmi Pad 2 นั้น ได้ให้ลำโพง 4 ตัวที่รองรับ Dolby Atmos ด้วยในตัว ซึ่งก็ได้ให้เสียงที่ดังดีเลยทีเดียว แต่ลำโพงอาจจะไม่ได้มีความแน่นของเสียงมากนัก ซึ่งถ้าเน้นเรื่องการใช้งานดูคอนเทนต์ทั่ว ๆ ไปแล้ว เท่านี้ถือว่าทำได้ดีแล้วสำหรับราคานี้

สเปกและการใช้งานจริง ไหวแค่ไหน ?

Redmi Pad 2 มาพร้อมกับชิปเซต MediaTek Helio G100-Ultra ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบมาเน้นใช้งานในชีวิตประจำวัน ถามว่าแรงไหม ? สำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างดู YouTube, Netflix, เล่นโซเชียล, สลับแอปฯ ไปมา หรือเรียนออนไลน์ ถือว่าทำได้สบาย ๆ เลย นอกจากนั้น หลังจากที่ได้ลองทดสอบประสิทธิภาพต่าง ๆ ของตัวเครื่องแล้ว ระดับคะแนนอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก แต่เน้นใช้งานทั่ว ๆ ไปก็ได้อยู่นะ

แต่ให้พูดกันตามตรง ด้วยความที่ Redmi Pad 2 เป็นแท็บเล็ตราคาประหยัด อาจจะไม่ได้แรงเทียบเท่าแท็บเล็ตราคาหลักหมื่นแน่นอน หากเปิดแอปพลิเคชันค้างไว้เยอะ ๆ หรือสลับแอปฯ ไปมาแบบเร็ว ๆ ก็อาจจะมีจังหวะที่ตัวเครื่องหน่วงให้เห็นบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในแท็บเล็ตในเรตราคานี้

ถ้าเอามาเล่นเกม ยังพอเอามาเล่น RoV ได้ไหวอยู่ คือปรับสูงได้ดี แต่ไม่สามารถปรับ ‘ภาพ HD’ ให้สูงสุดได้นะ ตัวเกมจะห้ามเอาไว้ แต่ถ้าปรับสูงสุดที่สามารถเลือกได้ ก็เล่นได้ลื่นอยู่เหมือนกัน

ส่วนเรื่องซอฟต์แวร์ ก็ได้ใช้ระบบปฏิบัติการใหม่อย่าง Xiaomi HyperOS 2 ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของ Android 15 ที่ออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Xiaomi ได้อย่างราบรื่นมาก ๆ เช่น การรับสายโทรศัพท์จากมือถือบนแท็บเล็ต หรือการคัดลอกข้อความข้ามอุปกรณ์ เรื่องนี้ ใครที่มีมือถือ Xiaomi อยู่แล้วจะได้เปรียบเป็นพิเศษเลยล่ะ

อีกฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือ เราสามารถเชื่อมต่อเครื่อง Mac ของเราเพื่อโชว์ขึ้นหน้าจอของเครื่อง Mac ของเราเป็นหน้าจอที่ 2 ได้ด้วยนะ ผ่านเมนู ‘การขยายจอแสดงผลไร้สาย’ ที่แค่เปิดไว้ เราก็สามารถเลือก Screen Mirror จากจอ Mac ของเราได้เลย หลักการทำงานคือ Redmi Pad 2 ของเราจะทำหน้าที่เป็น Apple TV เพื่อรับภาพจากเครื่อง Mac ของเรานั่นเอง เพียงแต่ว่า ต่อให้อินเทอร์เน็ตแรงพอแล้ว แต่ภาพแจาก Mac ที่โชว์ขึ้นไปก็ยังแอบช้าอยู่หน่อย ๆ นะ

แบตเตอรี่ที่ให้มาแน่น แต่ต้องใจเย็นตอนชาร์จ

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าสนใจมาก ๆ ของ Redmi คือแบตเตอรี่ที่ให้มาเยอะถึง 9,000 mAh ซึ่งถือว่าเยอะมาก ๆ สำหรับแท็บเล็ตในราคานี้ ทำให้สามารถใช้งานข้ามวันได้แบบสบาย ๆ ไม่ว่าจะพกไปเรียนทั้งวัน หรือจะนอนดูซีรีส์มาราธอนในวันหยุด ก็ทำได้แบบสบาย ๆ ไม่ต้องคอยชาร์จบ่อย ๆ

แต่ก็มีจุดสังเกตเล็กน้อย คือเรื่องความเร็วในการชาร์จ ที่รองรับเพียง 18W เท่านั้น ด้วยขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขนาดนี้ การชาร์จจาก 0-100% อาจจะต้องใช้เวลาไม่น้อยเลย แล้วด้วยความที่คู่แข่งในเรตราคาใกล้ ๆ กันนั้น ได้ให้ระบบการชาร์จแบตเตอรี่ที่เร็วกว่านี้ และอาจจะให้หัวชาร์จมาในกล่องเลยด้วย อาจทำให้เรื่องความเร็วในการชาร์จนี้ เป็นข้อสังเกตเล็กน้อยสำหรับใครที่ไม่ได้ชาร์จแบตเตอรี่ข้ามคืนบ่อย ๆ แถมยังทำให้เวลาเราใช้งาน

ดีไซน์รอบตัวเครื่อง

เรื่องการออกแบบก็เป็นอีกส่วนที่ทำได้ดีกว่าที่คิดไว้นะ ตัวเครื่องได้ใช้ดีไซน์โลหะชิ้นเดียว (Metal Unibody) ให้สัมผัสที่แข็งแรง เรียบหรู ซึ่งเราก็มักจะได้เห็นแท็บเล็ตแนว Unibody มาอยู่ในระดับราคานี้กันบ่อยขึ้นแล้วเหมือนกัน นอกจากนั้น การจัดวางกล้องหน้า Xiaomi ยังเลือกมาในแนวนอน (ด้านยาวของเครื่อง) ถือเป็นการออกแบบที่คิดมาดีมาก เพราะเหมาะสุด ๆ กับการวิดีโอคอลหรือประชุมออนไลน์ในแนวนอน ซึ่งเป็นท่าที่เราใช้งานแท็บเล็ตกันเป็นส่วนใหญ่ แถมด้วยหน้าจอที่ใช้อัตราส่วน 16:10 ซึ่งคล้ายกับหน้าจอโน้ตบุ๊กสมัยใหม่แล้ว ก็ยิ่งทำให้ Redmi Pad 2 เป็นแท็บเล็ตที่เหมาะกับการใช้งานในแนวนอนแบบสุด ๆ

ส่วนเรื่องกล้องถ่ายภาพนั้น ทั้งกล้องหน้ามา 5 ล้านพิกเซล และกล้องหลังที่ 8 ล้านพิกเซล ซึ่งถือว่าให้มาพอใช้งานได้สำหรับวิดีโอคอล ถ่ายรูปเอกสาร หรือสแกน QR Code แต่ไม่ได้เน้นเรื่องคุณภาพระดับสูง ซึ่งก็สมเหตุสมผลกับแท็บเล็ตที่ปกติเราเน้นใช้งานด้านอื่น ๆ มากกว่ากล้องถ่ายภาพในเรตราคานี้นะ

รุ่นไหนเหมาะกับใคร? Wi-Fi หรือ 4G ดี

ทีนี้ Redmi Pad 2 นั้นวางจำหน่ายในไทยด้วยกัน 2 รุ่น คือรุ่น Wi-Fi และรุ่นที่ใส่ซิม 4G ได้ ซึ่งถือว่าดีนะ ที่เรามีตัวเลือกให้เลือกว่าเราจะใช้แบบแค่ Wi-Fi อย่างเดียว หรือมี 4G ด้วยดี แล้วซื้อรุ่นไหนดีกว่ากันล่ะ ?

  • รุ่น Wi-Fi: เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือคนทั่วไปที่ใช้งานแท็บเล็ตที่บ้าน, ที่ทำงาน, หรือในมหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีสัญญาณ Wi-Fi ครอบคลุมอยู่แล้ว รุ่นนี้จะคุ้มค่าที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่นใส่ซิมแต่อย่างใด
  • รุ่น 4G: เหมาะสำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ หรือทำงานนองยกสถานที่ที่ไม่มี Wi-Fi และต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

สรุปแล้ว Redmi Pad 2 คุ้มไหม?

อ่านมาทั้งหมดแล้วอาจจะสงสัยว่า “สรุปแล้ว Redmi Pad 2 เหมาะกับใคร ?” คำตอบคือ Redmi Pad 2 เครื่องนี้ เหมาะมาก ๆ สำหรับ นักเรียน นักศึกษา หรือคนที่กำลังมองหาแท็บเล็ตเครื่องแรก ที่อยากได้จอใหญ่ ๆ ภาพชัด ๆ ไว้สำหรับเรียน และเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก ด้วยจุดเด่นทั้งหน้าจอที่สวยงาม แบตเตอรี่ที่อึดสุด ๆ และดีไซน์ที่ดูพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย ๆ

แม้จะมีข้อสังเกตเรื่องประสิทธิภาพ ที่อาจมีหน่วงบ้างในบางครั้ง และการชาร์จที่อาจจะช้าไปสักหน่อย แต่เมื่อเทียบกับราคาและสิ่งที่ได้มาทั้งหมด ก็ต้องบอกว่า Redmi Pad 2 เป็นหนึ่งในแท็บเล็ตที่คุ้มมาก ๆ เครื่องหนึ่งในตลาดตอนนี้เลย เหมาะกับใครที่อยากได้แท็บเล็ตจอใหญ่ไว้ดูหนัง ดูซีรีส์ หรือให้ลูกหลานใช้เรียน บางครั้งแค่ Redmi Pad 2 ก็ตอบโจทย์ได้ครบถ้วนแล้ว

ราคาและการวางจำหน่าย

  • รุ่น Wi-Fi
    • 6GB + 128GB : 5,999 บาท
    • 8GB + 256GB : 6,999 บาท
  • รุ่น 4G
    • 4GB + 128GB : 5,499 บาท
    • 8GB + 256GB : 7,999 บาท

นักเขียนตัวเล็กๆ (?) ที่โตมากับไขควงและเมนบอร์ด เพราะโดนเกณฑ์เป็นลูกมือช่างซ่อมคอม (ที่เรียกว่าพ่อ) มาตั้งแต่เด็ก ๆ โตมาเลยมาเอาดีเรื่องเทคฯแทน ชอบตามข่าวเทคฯ ใหม่ ๆ ลอง Gadget แปลก ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน หูฟัง คอมพิวเตอร์ แล้วเอามาเล่าให้ฟังกัน

8.3 / 10คะแนนรวม
หน้าจอ 9.0
ประสิทธิภาพ 7.0
ดีไซน์ 8.5
แบตเตอรี่ 8.5
ความคุ้มค่า 8.5

Redmi Pad 2

แท็บเล็ตค่าตัวเบา ๆ สเปกพอใช้ได้ แบตเตอรี่อึด ๆ แต่ชาร์จช้าหน่อยนะ

Redmi Pad 2 ถือเป็นแท็บเล็ตคุ้มค่าที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดีมาก โดยเฉพาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือใครที่ต้องการแท็บเล็ตสายบันเทิง ทั้งให้หน้าจอความละเอียด 2.5K แบตฯ อึด ๆ และดีไซน์ที่ดูพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงง่าย แต่แลกด้วยประสิทธิภาพที่เหมาะกับการใช้งานพื้นฐาน และความเร็วในการชาร์จที่อาจจะช้าไปสักหน่อยก็ตาม มาลองดูว่าแท็บเล็ตเครื่องนี้มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง

Pros
  • หน้าจอคุณภาพสูง ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด 2.5K พร้อมรีเฟรชเรต 90Hz และได้รับการรับรองถนอมสายตาจาก TÜV Rheinland
  • แบตเตอรี่อึด ความจุ 9,000 mAh ใช้งานได้ยาวนาน เหมาะกับการเรียนหรือดูหนังตลอดวัน
  • ดีไซน์พรีเมียม ตัวเครื่องเป็นโลหะชิ้นเดียว (Unibody) ดูแข็งแรง หรูหรา และมีการจัดวางกล้องหน้าที่เหมาะสมกับการวิดีโอคอลแนวนอน
  • ลำโพง 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos ให้เสียงที่ดังและคุณภาพดี เหมาะกับการรับชมคอนเทนต์
Cons
  • ชิปเซต MediaTek Helio G100-Ultra อาจมีหน่วงบ้างเมื่อเปิดแอปพลิเคชันจำนวนมาก หรือสลับแอปฯ เร็ว ๆ เหมาะใช้งานทั่วไป
  • ตัวเครื่องชาร์จแบตฯ ช้า รองรับเพียง 18W เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จนาน
  • หน้าจอเป็น LCD ไม่สามารถแสดงผลแบบ HDR ได้ และอาจทำให้ตาล้าได้บ้างเมื่อใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ
  • กล้องไม่โดดเด่น ทั้งกล้องหน้า 5MP และกล้องหลัง 8MP เหมาะสำหรับการใช้งานพื้นฐานเท่านั้น ไม่ได้เน้นคุณภาพสูง

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...