ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ปฏิเสธคำร้องของ DJI ผู้ผลิตโดรนชื่อดังจากจีน ที่ต้องการถอนชื่อออกจากบัญชีรายชื่อ “บริษัทด้านการทหารของจีน” ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง ก็ได้ใส่ชื่อ DJI เอาไว้ในบัญชีเฝ้าระวังแล้ว ก่อนที่กระทรวงกลาโหมจะเพิ่มชื่อบริษัทในปี 2565 ว่ามีความเกี่ยวพันกับด้านการทหารของจีน
ต่อมาในปีที่แล้ว ทาง DJI ยื่นฟ้องต่อศาลเนื่องจากการขึ้นทะเบียนดังกล่าวส่งผลเสียต่อบริษัททั้งในด้านชื่อเสียงและการเงิน พร้อมยืนยันว่า “ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพจีน” พร้อมชี้ให้เห็นว่ากระทรวงกลาโหม “ยอมรับเองว่า DJI ผลิตโดรนสำหรับผู้บริโภคและเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่เพื่อการทหาร”
ล่าสุดทาง พอล ฟรีดแมน ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ มีคำตัดสินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระบุว่ากระทรวงกลาโหมมี “หลักฐานสำคัญ” ยืนยันว่า DJI มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุน “อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของจีน” หนึ่งในนั้นคือ การอ้างอิงถึงกรณีที่โดรน DJI ถูกนำไปดัดแปลงใช้งานในสงครามรัสเซีย–ยูเครน
ฟรีดแมนเขียนไว้ในคำตัดสินว่า “ไม่ว่านโยบายของ DJI จะห้ามการใช้งานทางทหารหรือไม่ ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะข้อเท็จจริงคือ เทคโนโลยีของ DJI สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในทางทหารได้ทั้งเชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติ”
อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาได้ปฏิเสธเหตุผลบางประการที่กระทรวงกลาโหมนำมาใช้สนับสนุนการขึ้นทะเบียนด้วยเช่นกัน
ทาง DJI ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาทางเลือกทางกฎหมายเพิ่มเติม พร้อมระบุว่าคำตัดสินของศาล “อ้างอิงเพียงเหตุผลเดียว ซึ่งสามารถใช้ได้กับบริษัทอื่นอีกหลายแห่งที่ไม่ได้ถูกขึ้นทะเบียนเช่นกัน”
ตอนนี้ DJI ยังเผชิญแรงกดดันในสหรัฐฯ ต่อเนื่อง ซึ่งอาจถูกแบน ห้ามจำหน่ายโดรนตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ หากหน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งชาติประเมินว่าโดรนของ DJI “ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ต่อความมั่นคงของชาติสหรัฐฯ”
ที่มา techcrunch