
ราคาหน่วยความจำ DDR5 ที่พุ่งสูงขึ้นกำลังทำพิษตลาดแล็ปท็อประยะยาว โดย TrendForce ระบุว่า ผู้ผลิตมีแนวโน้มเพิ่มสัดส่วนแล็ปท็อปที่มาพร้อม RAM 8GB เพื่อควบคุมต้นทุน ส่งผลให้ความคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพลดลง
ผู้ผลิตหลายราย เช่น Dell และ Framework ได้เริ่มปรับราคาค่าอัปเกรดหน่วยความจำให้แพงขึ้นแล้ว ทำให้การทำตลาดด้วยโปรโมชันส่วนลดทำได้ยากขึ้น แม้การลดสเปกอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่คือวิธีที่จำเป็นเพื่อทำให้ราคาขายไม่ให้สูงเกินไป
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบชัดเจนที่สุดคือแล็ปท็อประดับกลาง ซึ่งเดิมมักมาพร้อม RAM 16GB ขึ้นไป โดยในอนาคตสเปก 8GB อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในช่วงราคานี้ ขณะที่ผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงอาจต้องขยับไปเลือกรุ่นที่มีราคาสูงกว่า

ส่วนแล็ปท็อปกลุ่มพรีเมียม ทั้งสายธุรกิจและเกมมิ่ง ที่ใช้ RAM DDR5 ขนาด 32GB หรือ 64GB มีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนกลุ่มราคาประหยัด ผู้ผลิตมีตัวเลือกจำกัดมากขึ้น การลดสเปกอาจทำให้ประสบการณ์ใช้งานลดลง แม้แต่กับงานพื้นฐานบน Windows 11
อีกหนึ่งความท้าทายคือแล็ปท็อปที่ใช้หน่วยความจำแบบบัดกรี โดยเฉพาะดีไซน์บางเฉียบ ซึ่งอาจต้องปรับโครงสร้างการออกแบบใหม่เพื่อรองรับข้อจำกัดด้านสเปก
ในช่วงที่หน่วยความจำมีต้นทุนสูง การปรับแต่งซอฟต์แวร์จึงยิ่งมีความสำคัญ ผู้ใช้คาดหวังให้ผู้ผลิตลดโปรแกรมที่ไม่จำเป็นลง แต่ข้อจำกัดคือ Windows รุ่นใหม่ใช้หน่วยความจำมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ปัญหานี้ยิ่งชัดเจน
แม้ราคาจะมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น แต่ TrendForce คาดว่าแล็ปท็อปจะเริ่มเห็นผลกระทบด้านราคาอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 ปี 2026 โดยผู้ผลิตบางรายเตรียมรับมือด้วยการกักตุนชิ้นส่วน ขณะที่บางรายอาจยอมแบกรับต้นทุนชั่วคราวเพื่อรอให้สถานการณ์คลี่คลาย
นอกจากนี้ ความต้องการหน่วยความจำจากศูนย์ข้อมูล AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังทำให้ไม่เพียงแค่ตลาดแล็ปท็อปเท่านั้นที่เสี่ยงต่อภาวะขาดแคลน แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เช่น สมาร์ทโฟน ด้วย
ที่มา notebookcheck





