
แนวคิดแบบ ‘Modular’ เรียกว่ามีมานานแล้ว ไม่ว่าจะฝั่งสมาร์ตโฟนหรือแล็ปท็อปเอง ที่มอบอิสระให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งชิ้นส่วนต่าง ๆ หรือสเปกเองได้ อย่างกล้องที่ดีขึ้น GPU ที่แรงกว่าเดิม หรือถอดโมดูลที่ไม่ได้ใช้งานออกไปแล้วแทนที่ด้วยโมดูลเพิ่ม storage แทน แต่น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่กลับกลายเป็นไอเดียที่อยู่บนหน้ากระดาษไม่ได้ถูกผลิตจริง…


แต่สำหรับ Framework เรียกว่าเป็นค่ายแล็ปท็อปที่ทำให้แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นจริงได้ ซึ่งก็เพิ่งเปิดตัวบริษัทมาได้ไม่นาน ก่อตั้งในปี 2021 หรือเพียง 4 ปี เท่านั้น แต่สามารถสร้างชื่อได้เร็วมาก เพราะเน้นแนวคิด “Repairable & Modular Laptop” คือ แกะง่าย-ซ่อมง่าย-อัปเกรดได้แทบทุกชิ้นส่วน

ล่าสุดเพิ่งมีการเปิดตัว ‘Framework Laptop 16’ เจนล่าสุด ที่นอกจากสามารถเลือกขุมพลัง CPU ระหว่าง Ryzen™ AI 7 350 ตัวเริ่มต้น และ Ryzen™ AI 9 HX 370 ที่แรงกว่าได้แล้ว ยังสามารถเพิ่มพอร์ตต่าง ๆ หรือโมดูลเสริมได้ยัน GPU เลยทีเดียว ด้านคีย์บอร์ดก็สามารถถอดได้เช่นกัน ใครอยากได้ numpad เพิ่มก็ถอดสับเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง
เรียกว่าเป็นโมดูลหลักในรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยโมดูลนี้เองทำให้เราสามารถอัปเกรด GPU ที่แรงขึ้นสำหรับสายเกมมิงหรือใช้กราฟิกหนัก ๆ เช่น

มีให้เลือกทั้งค่ายเขียว และค่ายแดงแบบนี้ สำหรับใครอยากจะใช้งานบน OS อย่าง Linux ก็สามารถเลือกค่ายแดงที่ driver ซัพพอร์ตมากกว่าได้ ไม่เหมือนแล็ปท็อปทั่วไปในตลาดที่กว่า 99% ของปัจจุบันไม่สามารถถอดเปลี่ยน GPU เองได้แล้ว เป็นการ์ดแบบออนบอร์ดทั้งสิ้น

หรือใครที่ต้องการความบางเบา ก็ยังมี Expansion Bay Shell เปล่า ๆ ที่นอกจากตัวพัดลมที่ใส่มาให้ ก็ยังสามารถเสริม SSD M.2 ได้ถึง 2 slot เพิ่มเติมได้สูงสุด 16TB (เมนบอร์ดมี M.2 อยู่แล้ว แต่ก็ยังใส่เพิ่มได้อีก สุดจัด)

แน่นอนว่าถึงขั้นถอดเปลี่ยนโมดูล GPU เองได้ เรื่องพอร์ตต่าง ๆ ถือว่าเป็นเรื่องกล้วย ๆ แม้ฟีเจอร์นี้เราอาจจะเคยเห็นใน laptop ยุคเก่าหรือฝั่งญี่ปุ่นอยู่บ้าง แต่สำหรับ Framework มีให้เราถอดสลับโมดูลพอร์ตได้ถึง 6 พอร์ต ! (แบ่งเป็นด้านซ้าย 3 และขวา 3 พอร์ต) ได้แก่

และมีสามารถเลือกเสริม Storage Expansion Card เสียบที่โมดูลข้างตัวเครื่องแทนพอร์ตต่าง ๆ ได้อีก ผ่าน interface USB 3.2 Gen 2 (ความเร็วอ่านเขียนสูงสุดที่ 1000 MB/s และ 800 MB/s ตามลำดับ) เช่น

มาถึงด้านบอดี้กันบ้าง รุ่นนี้สามารถเลือกขอบเครื่องได้ถึง 3 สี ได้แก่ ดำ, ส้ม และม่วง ส่วนคีย์บอร์ดนอกจากเลือกภาษา และ layout แล้ว ตัวคีย์บอ์ดยังสามารถปรับแต่งได้ ถอดออกมาปรับเพิ่มโมดูล numpad เสริม หรือสำหรับใครที่เป็นสายเกมก็ยังมี RGB macropadให้เลือกด้วยเช่นกัน

นั่นหมายความว่าพื้นที่คีย์บอร์ดเดิมสามารถแกะออกได้หมด โดยจะมีโมดูลขอบเครื่อบหรือ Spacer มาให้ 2 ชิ้น (เลือกสีได้) มาให้พื้นฐานซ้าย และขวา แต่เมื่อใดที่ต้องการเสริมโมดูลอื่น ๆ ก็เพียงถอดออกแล้วจัดเรียง layout ใหม่ได้ด้วยต้นเอง โดยเจ้า Spacer ยังมีโมดูลแบบ LED Matrix แสดงผลต่าง ๆ เป็นกิมมิคให้เลือกอีกด้วย

Framework Laptop 16 มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,499 เหรียญ (49,000 บาท) และสูงขึ้นไปแตะหลักแสนได้ตามการปรับแต่งของเรา หรือใครอยากไม่มีความรู้ด้านการปรับแต่งมากก็ยังมีเวอร์ชัน Pre-built ให้เลือกด้วยเช่นกัน
โดยสามารถลองไปคัสตอมสเปกกันได้ที่เว็บไซต์ Framework





