จุฬาฯ นำร่องต้นแบบ Digital Twin บริหารจัดการอาคารด้วย AI และข้อมูลเชิงลึก

THE SUMMARY:

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับซิสโก้และ MFEC เปิดตัว “CU Living ARCH 5.0” โครงการสถาปัตยกรรม Digital Twin ต้นแบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI แห่งแรกของไทย

“CU Living ARCH 5.0” อยู่ภายใต้โครงการ Cisco Country Digital Acceleration (CDA) ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการพัฒนาด้านความยั่งยืน โดยผสานข้อมูลจากระบบ IT, OT, เซ็นเซอร์ IoT และโครงสร้างอาคาร เพื่อวิเคราะห์และแสดงผลข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพลังงาน การใช้พื้นที่ และคุณภาพสภาพแวดล้อมภายในอาคาร

สถาปัตยกรรม Digital Twin ขับเคลื่อนด้วย AI


โครงการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อ “ปลุกชีวิต” ให้อาคารเก่าภายในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่มีอายุ 50 ปี พื้นที่ 2,000 ตารางเมตร ให้สามารถสื่อสารและตอบสนองต่อผู้ใช้งานได้แบบเรียลไทม์ผ่านเทคโนโลยี Digital Twin ถือเป็นที่แรกในไทยที่นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับการจัดการอาคารอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ

ด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายและ IoT อัจฉริยะของซิสโก้เป็นแกนหลัก โดยรวบรวมข้อมูลจากระบบ IT, อุปกรณ์ Cisco Catalyst, Meraki sensors และกล้อง Cisco ทำหน้าที่เก็บข้อมูลสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ ตั้งแต่อุณหภูมิ คุณภาพอากาศ การใช้พลังงาน ไปจนถึงจำนวนผู้ใช้งานพื้นที่

ฟากของ MFEC ได้นำโซลูชันอาคารอัจฉริยะ “MIIoT” มาประยุกต์ใช้อย่างเต็มรูปแบบ ในฐานะผู้ติดตั้งระบบ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือน สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์และเซ็นเซอร์ทั่วอาคาร พร้อมพัฒนาแดชบอร์ด 2 เวอร์ชัน สำหรับทีมวิศวกรที่ต้องการข้อมูลเชิงเทคนิค และสำหรับผู้บริหารที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปใช้ในการวางแผนตัดสินใจเพื่อนำไปปฏิบัติ

ข้อมูลทั้งหมดส่งไปยัง Cisco Spaces แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลตามตำแหน่ง เพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลจริง ทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากรและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ในระยะแรกนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้าง “Digital Shadow” ทำให้อาคารสามารถส่งข้อมูลสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น คุณภาพอากาศ การใช้พลังงาน จำนวนผู้ใช้งาน และ Carbon Footprint มาแสดงผลบนแดชบอร์ดได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นผลจากการติดตั้งอุปกรณ์ IoT จำนวน 30 ตัวที่เก็บข้อมูลทุก 15 นาที สร้างข้อมูลมากกว่า 15,000 สถานการณ์ต่อวัน

เป้าหมายในระยะต่อไปซึ่งจะจัดแสดงในงาน Expo เดือนพฤษภาคม คือ การพัฒนาไปสู่การเป็น “Digital Twin” อย่างสมบูรณ์ ซึ่งระบบไม่เพียงแต่รับข้อมูล แต่จะสามารถวิเคราะห์และส่งคำสั่งกลับไปควบคุมระบบต่างๆ ของอาคารได้โดยอัตโนมัติ เช่น การปรับเครื่องปรับอากาศหรือระบบระบายอากาศ

โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นต้นแบบสำหรับการพัฒนาอาคารอัจฉริยะในจุฬาฯ ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 1.3 ล้านตารางเมตร แต่ยังเป็นโมเดลสำคัญที่สามารถขยายผลสู่การพัฒนา Smart Campus และ Smart City ของประเทศไทยในอนาคต

นอกจากนี้ ซิสโก้ยังร่วมพัฒนาหลักสูตรสมัยใหม่ร่วมกับคณะสถาปัตยกรรมฯ ผ่านโครงการ IT skills-to-job ภายใต้ Cisco Networking Academy เพื่อพัฒนาทักษะให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกระดับ ตั้งแต่นักศึกษา ผู้บริหารไปจนถึงเจ้าหน้าที่ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากระบบได้อย่างเต็มศักยภาพ

เตรียมขยายผลทั่วประเทศ

CU Living ARCH 5.0 ถือเป็นต้นแบบสำหรับมหาวิทยาลัยและอาคารที่ใช้ AI และ Digital Twin ในการบริหารจัดการอาคารอย่างชาญฉลาด โดยเริ่มจากพื้นที่ 2,000 ตร.ม. และเตรียมขยายสู่พื้นที่รวมกว่า 28,000 ตร.ม. ภายในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ พร้อมทั้งเปิดโอกาสแบ่งปันองค์ความรู้ให้กับมหาวิทยาลัยอื่น หน่วยงานรัฐ ภาคธุรกิจ และโครงการสมาร์ทซิตี้ทั่วประเทศ เพื่อผลักดันไทยสู่สังคม 5.0 โดยโครงการคาดว่าจะเปิดใช้งานระบบ AI ได้จริงภายในครึ่งแรกปี 2569

ศ.ดร.อรรจน์ เศรษฐบุตร, รองคณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว่า “CU Living ARCH 5.0 ไม่ได้เป็นเพียงโครงการวิจัย แต่เป็นแพลตฟอร์มสร้างการเรียนรู้และนวัตกรรม ที่ช่วยยกระดับเทคโนโลยีสภาพแวดล้อมอาคารที่ตอบสนองได้จริง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์สังคม 5.0 เรากำลังสร้างต้นแบบของสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ทุกระดับ ถือเป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของนิสิตและบุคลากร”

นายวีระ อารีรัตนศักดิ์, กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย และเมียนมาร์ กล่าวว่า “โครงการนี้สะท้อนวิสัยทัศน์สังคม 5.0 ที่เน้นให้ ‘คน’ อยู่ศูนย์กลาง ซิสโก้ภูมิใจที่ได้ร่วมขับเคลื่อนโครงการ Digital Twin ตอบสนองด้วย AI แห่งแรกของประเทศ เรามุ่งนำความรู้และประสบการณ์นี้ไปต่อยอดให้เกิดต้นแบบอาคารอัจฉริยะและยั่งยืนในสถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ และเมืองทั่วไทย”

นายดำรงศักดิ์ รีตานนท์, หัวหน้าฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและการบูรณาการ MFEC “นี่คือการเปลี่ยนวิธีคิดของการบริหารอาคารจากการซ่อมเมื่อเสีย ไปสู่การจัดการเชิงรุกด้วยข้อมูลจริง โครงการนี้เป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลได้ทั่วประเทศ ช่วยสร้างพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำงานที่ชาญฉลาดขึ้น พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้อาคารทุกคน”

นักเขียนสาย Introvert ที่ชื่นชอบเรื่องนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ใช้เวลาว่างกับ มังงะ, เสียงเพลงและ idol

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...