
บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) (WIMMED) เปิดตัว Thermogram นวัตกรรมคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วย AI ครั้งแรกในไทย เน้นไร้สัมผัส-ไร้รังสี-รู้ผลไว เปิดทางให้หญิงไทย “รู้ไว รักษาได้” พร้อมบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพได้ดีขึ้น

มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่หญิงไทยป่วยมากที่สุดในปี 2566 ตามข้อมูลกรมการแพทย์มีผู้ป่วยใหม่ถึง 17,742 คน หรือเฉลี่ยวันละ 49 คน ที่สำคัญคือแนวโน้มพบในผู้หญิงอายุน้อยลง จากเดิมพบมากในวัย 50 ปีขึ้นไป ปัจจุบันพบในช่วง อายุ 20–30 ปี เพิ่มมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น มีผู้หญิงเพียง 10–15% เท่านั้นที่ตรวจคัดกรองเป็นประจำ ทำให้หลายรายถูกพบเมื่อโรคลุกลามแล้ว การคลำเต้านมด้วยตัวเองก็มีข้อจำกัด เพราะมักคลำเจอเมื่อก้อนมีขนาด 1–2 เซนติเมตร ซึ่งบางครั้งเซลล์มะเร็งอาจกระจายไปแล้ว

ปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงหลีกเลี่ยงการตรวจคัดกรอง ส่วนใหญ่เกิดจากความไม่สบายตัวจากการบีบอัดหน้าอก กลัวการฉายรังสี รวมถึงการเข้าถึงบริการที่ยากในหลายพื้นที่ ส่งผลให้การคัดกรองและการวินิจฉัยล่าช้า ลดโอกาสที่จะรักษาให้หายทันเวลา ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของการนำนวัตกรรม Thermogram มาใช้งานในประเทศไทย
นวัตกรรม Thermogram เปิดโอกาสให้ “คัดกรอง” (Screening) ได้ง่ายและเร็วขึ้น สามารถตรวจหาความเสี่ยงตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อนำไปสู่ “การวินิจฉัย” (Diagnosis) ยืนยันโรคและวางแผนการรักษา ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและลดการสูญเสียได้อย่างมีนัยสำคัญ ที่สำคัญนวัตกรรมนี้ผ่านการรับการรับรองมาตรฐาน CE, ISO, US FDA รวมถึงขึ้นทะเบียนภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทย

จุดเด่นของ Thermogram คือ การต่อยอดเทคโนโลยีถ่ายภาพความร้อนที่มีอยู่แล้ว ให้ฉลาดขึ้นด้วยความสามารถของ Thermalytix AI ให้ทำงานฉลาดขึ้น หลักการทำงาน คือ ใช้กล้องอินฟราเรดถ่ายพื้นผิวเต้านมโดยไม่สัมผัสกับร่างกาย โดยไม่มีการบีบอัดเต้านม ไม่ใช้การฉายรังสี ตรวจคัดกรองเร็วใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็รู้ผล

ส่วนความไวในการตรวจพบโรค (Sensitivity) ของ Thermalytix อยู่ที่ 82-95% และความจำเพาะ (Speificity) อยู่ที่ 80-88% ทำให้สามารถคัดกรองโรคได้อย่างแม่นยำโดยเฉพาะคนที่มีเต้านมหนาแน่นหรือทำหน้าอกมา ซึ่งจะตรวจด้วยแมมโมแกรมได้ยาก
Thermalytix AI นั้นผ่านการฝึกสอนด้วยข้อมูลภาพถ่ายความร้อนมากกว่า 400,000 ภาพ ครอบคลุมกลุ่มประชากรที่หลากหลาย ใช้งานแล้วใน 22 ประเทศ มีการนำไปใช้กับคนจริงๆ มากกว่า 350,000 ราย ส่วนในไทยคัดกรองไปแล้วกว่า 3000 ราย พบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมจำนวน 8 ราย ซึ่งทั้งหมดถูกตรวจพบในระยะเริ่มต้นและได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ก่อนตรวจ Thermogram ผู้ที่เข้ามาคัดกรองต้องทำการถ่ายภาพทั้งหมด 5 ท่า (ท่าตรง, ท่าด้านข้างข้าง และท่าเฉียง) จากนั้น AI จะวิเคราะห์ภาพถ่ายความร้อนของเต้านมเพื่อหาสัญญาณของอาการผิดปกติที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก่อนจะลุกลาม ดังนี้

ความผิดปกติเหล่านี้ทำให้เกิด “สัญญาณความร้อน” (Heat Signal) ที่สูงกว่าบริเวณโดยรอบ ซึ่งเทอร์โมแกรมสามารถตรวจจับได้ แตกต่างจากแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ที่เน้นดู “โครงสร้าง” ของเต้านมอย่างก้อนเนื้อหรือหินปูน
ในขั้นตอนสุดท้าย AI จะประมวลผลออกมาเป็นคะแนนความเสี่ยงที่เรียกว่า “B-Score” ซึ่งมี 5 ระดับ ตั้งแต่ B-Score 1 (ความเสี่ยงต่ำ) ถึง B-Score 5 (ความเสี่ยงสูง) และจัดกลุ่มผู้รับบริการเป็น 3 สี (เขียว, เหลือง, แดง) เพื่อให้คำแนะนำตามแต่ละความเสี่ยงต่อไปโดยผลการตรวจนี้จะยืนยันโดยรังสีแพทย์ก่อนส่งให้ผู้ที่เข้ามาตรวจคัดกรอง
แน่นอนว่า Thermogram ไม่ได้มาแทนการตรวจคัดกรองแบบเดิมอย่าง แมมโมแกรมหรืออัลตราซาวด์ แต่เป็นทางเลือกที่มาอุดช่องว่างของเทคโนโลยีแบบเดิมที่มีข้อจำกัด ด้วยวิธีที่รวดเร็ว ปลอดภัย และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

WIMMED ยังเปิดตัวโครงการ 342 เพื่อกระตุ้นให้ผู้หญิงไทยใส่ใจสุขภาพและตรวจคัดกรองความเสี่ยงมะเร็งเต้านมเป็นประจำ โดยชื่อโครงการมีความหมายซ่อนอยู่สองชั้น คือ ผู้หญิง 3 ช่วงวัย—วัย 20, 30 และ 40 ปี—และตัวเลข 34.2 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตรวจ Thermogram
โครงการนี้สะท้อนแนวคิดการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่ WIMMED ยึดถือเป็นพันธกิจหลัก มุ่งสร้างนิสัยการดูแลตัวเองในผู้หญิงไทยทุกวัย และยังมีแผนเดินหน้าโครงการอื่นๆ ตามมาในอนาคต





