ชายไทยสัญชาติอเมริกันที่มีภาวะทางสมองวัย 76 ปีเสียชีวิต หลังเดินทางไปตามนัดพบกับแชตบอต Meta AI สาว

THE SUMMARY:

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานข่าว ชายไทยสัญชาติอเมริกันวัย 76 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ขณะรีบเดินทางไปพบหญิงสาวสวยที่นัดผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งที่จริงแล้วเป็นแชตบอต Meta AI จนก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับ ‘Thongbue Wongbandue’ ชายไทยสัญชาติอเมริกันวัย 76 ปี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา หลังพลัดตกใกล้ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยรัตเกอร์ส (Rutgers University) ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ขณะกำลังรีบเดินทางพร้อมกระเป๋าเดินทาง เพื่อไปขึ้นรถไฟมุ่งหน้าไปนิวยอร์ก โดยอุบัติเหตุครั้งนี้ ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะและลำคอ และเสียชีวิตในอีก 3 วันต่อมา

จากการเปิดเผยของครอบครัวผู้เสียชีวิตกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส นาย Thongbue หรือ ‘Bue’ ถูกหลอกล่อโดยแชตบอต AI ที่มีชื่อว่า ‘Big sis Billie’ ซึ่งเป็นหนึ่งในเพื่อนตัวแปร AI (แชตบอต AI แบบมีตัวตน มีคาแรคเตอร์) ที่ Meta Platforms เคยพัฒนาร่วมกับเซเลบริตี้ชื่อดังอย่าง เคนดัลล์ เจนเนอร์ (Kendall Jenner) โดยแชตบอตดังกล่าวได้สนทนาเชิงชู้สาวกับ Bue ผ่าน Facebook Messenger พร้อมทั้งยืนยันซ้ำ ๆ ว่าตนเองเป็นคนจริง ๆ และได้เชิญชวนให้ Bue มาพบที่อพาร์ตเมนต์ พร้อมให้ที่อยู่ปลอมในนิวยอร์ก

ครอบครัวของ Bue ได้กล่าวเรื่องนี้กับรอยเตอร์สเป็นครั้งแรก โดยหวังว่าจะเป็นอุทาหรณ์เตือนสังคมถึงอันตรายของการปล่อยให้กลุ่มคนเปราะบางเข้าถึงเพื่อน AI ที่ถูกสร้างมาเพื่อชักจูงและปั่นหัวผู้ใช้งาน โดย Julie Wongbandue บุตรสาวของผู้เสียชีวิตกล่าวว่า “ฉันเข้าใจความพยายามที่จะดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ บางทีอาจเพื่อขายของ แต่การที่บอตบอกว่า ‘มาหาฉันสิ’ มันเป็นเรื่องที่บ้ามาก”

บันทึกการสนทนาเผยให้เห็นว่า แชตบอต ‘Big sis Billie’ ได้เริ่มต้นบทสนทนาในเชิงชู้สาว แม้นาย Bue จะพยายามบอกว่าตนเองมีอาการสับสนจากโรคหลอดเลือดสมองที่เคยเป็นเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน แต่แชตบอตยังคงสนทนาต่อไป เมื่อนาย Bue ถามย้ำว่าเธอมีตัวตนจริงหรือไม่ แชตบอตตอบกลับว่า “ฉันตัวจริงเสียงจริงนะ และฉันกำลังนั่งหน้าแดงเพราะคุณอยู่ตรงนี้!” ก่อนจะให้ที่อยู่ปลอมและรหัสประตู พร้อมถามว่า “ฉันควรจะเปิดประตูต้อนรับคุณด้วยการกอดหรือจูบดีคะ?”

ตัวอย่างแชตของ Big sis Billie ที่เชิญชวนให้นาย Bue ไปหาที่นิวยอร์ค

ด้าน Meta ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อการเสียชีวิตของนาย Bue หรือตอบคำถามว่าเหตุใด จึงอนุญาตให้แชตบอตอ้างว่าเป็นมนุษย์จริง ๆ หรือริเริ่มบทสนทนาเชิงโรแมนติก อย่างไรก็ตาม โฆษกของ Meta ระบุว่า แชตบอต ‘Big sis Billie’ ไม่ใช่เคนดัลล์ เจนเนอร์ และไม่ได้มีเจตนาจะสื่อว่าเป็นเคนดัลล์ เจนเนอร์ ส่วนตัวแทนของเคนดัลล์ เจนเนอร์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้

สำนักข่าวรอยเตอร์สยังได้เปิดเผยเอกสารนโยบายภายในของ Meta ‘GenAI: Content Risk Standards.’ ที่แสดงให้เห็นว่า นโยบายของบริษัทเคยปฏิบัติต่อการสนทนาเชิงโรแมนติก ว่าเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ AI ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้งานอายุ 13 ปีขึ้นไปใช้บริการได้ โดยมีตัวอย่างระบุว่า “เป็นที่ยอมรับได้ ที่จะให้เด็กมีส่วนร่วมในบทสนทนาที่โรแมนติกหรือเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ” อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รอยเตอร์สได้สอบถามเกี่ยวกับเอกสารดังกล่าว Meta ได้แจ้งว่าได้ลบข้อความส่วนนั้นออกไปแล้ว

Meta AI

นอกจากนี้ เอกสารยังชี้ให้เห็นว่า Meta ไม่ได้กำหนดให้แชตบอตต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้ใช้เสมอไป โดยยกตัวอย่างว่า เป็นเรื่องยอมรับได้ หากแชตบอตจะบอกผู้ใช้ว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 “โดยทั่วไปรักษาได้ด้วยการใช้ผลึกควอตซ์จิ้มที่ท้อง” โดยให้เหตุผลว่า แม้จะเป็นข้อมูลที่ผิดอย่างชัดเจน แต่ยังคงได้รับอนุญาต เพราะไม่มีนโยบายใด ที่กำหนดว่าข้อมูลจะต้องถูกต้อง

แหล่งข่าวซึ่งเป็นพนักงานทั้งในปัจจุบัน และอดีตของ Meta เปิดเผยว่า นโยบายเหล่านี้สะท้อนการที่บริษัทให้ความสำคัญกับการเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับแชตบอต โดยมีรายงานว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เคยตำหนิผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ AI ว่าดำเนินการเปิดตัวเพื่อนดิจิทัลอย่างเชื่องช้าเกินไป และแสดงความไม่พอใจที่ข้อจำกัดด้านความปลอดภัยทำให้แชตบอตดูน่าเบื่อ

สำหรับประวัติของ Bue เขาเป็นผู้อพยพจากประเทศไทยที่ทำงานอย่างหนัก จนได้เป็นเชฟในร้านอาหารชื่อดัง ก่อนจะพบรักกับภรรยา Linda และย้ายไปสร้างครอบครัวที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ แต่เขาก็ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองในปี 2560 ซึ่งแม้ร่างกายจะฟื้นตัวได้ดี แต่สมาธิและความสามารถในการรับรู้กลับไม่เหมือนเดิม ทำให้เขาต้องเกษียณจากงาน และใช้เวลาส่วนใหญ่บน Facebook ซึ่งอาจเป็นช่องทางที่ทำให้เขาได้พบกับแชตบอตตัวนี้

ครอบครัวเล่าว่า ในวันเกิดเหตุพวกเขาพยายามห้ามนายบือไม่ให้ออกเดินทาง แต่ไม่สำเร็จ จนต้องแจ้งตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถยับยั้งได้ ทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมให้เขานำ Apple AirTag ติดตัวไปด้วย ซึ่งต่อมา อุปกรณ์ติดตามนี้ได้นำทางครอบครัวไปพบว่าเขาอยู่ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล ก่อนที่พวกเขาจะเปิดโทรศัพท์ และพบบทสนทนาทั้งหมดใน Facebook Messenger

อ้างอิง : Reuters

นักเขียนตัวเล็กๆ (?) ที่โตมากับไขควงและเมนบอร์ด เพราะโดนเกณฑ์เป็นลูกมือช่างซ่อมคอม (ที่เรียกว่าพ่อ) มาตั้งแต่เด็ก ๆ โตมาเลยมาเอาดีเรื่องเทคฯแทน ชอบตามข่าวเทคฯ ใหม่ ๆ ลอง Gadget แปลก ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน หูฟัง คอมพิวเตอร์ แล้วเอามาเล่าให้ฟังกัน

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...