เรื่องราวจากแนวหน้าการใช้งาน AI กับวิชาชีพกฎหมายในประเทศไทย

THE SUMMARY:

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมเรื่องการใช้ AI ในวิชาชีพกฎหมาย เป็นเวิร์กช็อป “เทคนิคการใช้ AI สำหรับที่ปรึกษากฎหมายและทนายความ” ซึ่งเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์จึงสรุปการบรรยายทั้งหมดออกมาเป็นบทความนี้ครับ

จากแบบฟอร์มกฎหมายตายตัวสู่ความยุติธรรมที่มีชีวิต: AI คือพันธมิตร ไม่ใช่ตัวแทนของคุณ

AI มองข้อมูล คนมองความสัมพันธ์ ตัวอย่างปัญหาน้ำเสียของเพื่อนบ้าน

ผมขอเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องคดีความหนึ่งที่การใช้ AI อาจจะนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ มากมาย

เพื่อนบ้านเทน้ำเสียหน้าบ้านคุณอยู่เรื่อย ๆ คุณหงุดหงิด รางน้ำหน้าบ้านคุณดูสกปรกตลอดเวลา ถึงแม้คุณจะไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย คุณก็น่าจะรู้ว่าประเทศของเราก็น่าจะมีกฎหมายห้ามเรื่องแบบนี้ อาจเป็นมาตรา 397 หรือ 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถ้าคุณถามคอมพิวเตอร์ให้คำนวณโอกาสชนะคดี และมันบอกว่าคุณมีโอกาสแม้แต่ 40-50% มันจะแนะนำว่า “ฟ้องเลย”

แต่นี่คือสิ่งที่คอมพิวเตอร์ไม่รู้: คุณอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ซอยเล็ก ๆ ทุกคนรู้จักกันมา 20-30 ปีแล้ว นี่ไม่ใช่คอนโดที่ไม่มีตัวตน

มันจึงแค่เรื่องกฎหมาย มันคือความสมดุลระหว่างความถูกต้องกับความเป็นชุมชน

กฎหมายล้วน ๆ ไม่ช่วยให้ชีวิตอยู่ร่วมกันง่ายขึ้น สิ่งที่คุณต้องการจริง ๆ คือ การได้รับคำปรึกษาจากผู้ที่มีความเข้าใจทางกฎหมายระดับหนึ่ง โดยที่ผู้ให้คำปรึกษาผู้นั้นเป็นผู้ที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของคนในสังคมด้วย เพื่อช่วยให้กรณีนี้ได้รับการไกล่เกลี่ย โดยการคุยกันระหว่างสองฝ่ายให้เร็วที่สุด ไม่ใช่การสักแต่จะฟ้องร้องที่ทำลายความสัมพันธ์ที่สร้างมาหลายสิบปี

นี่คือจุดที่เราอยู่กับ AI ในปี 2568 เทคโนโลยีมีพลังมาก แต่มันอันตรายอย่างยิ่งหากปราศจากปัญญาของมนุษย์

ผมจะพูดตรง ๆ: AI ทำให้ชีวิตผมยากขึ้น

ตอนนี้ผมทำงานวันละ 14 ชั่วโมง น้ำหนักผมลดลงฮวบ ทุกอย่างเปลี่ยนไป เพราะ AI ทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถ และควรจะใช้ทุกวินาทีในชีวิตไปทำงานได้ แม้แต่ช่วงเวลาที่เคยเป็นเวลาพักตอนนี้ก็กลายเป็น “เวลาทำงาน” ได้

ปริมาณงานไม่ได้ลดลง มันแค่เปลี่ยนรูปแบบ เราทำมากขึ้น เร็วขึ้น มีความคาดหวังที่สูงขึ้น

ขอยกตัวอย่าง โดยปกติจากวันหนึ่งในโลกมนุษย์ก่อนที่เราจะมีการใช้ AI อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ผมเคยเข้าประชุมวันละ 1-2 ครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่านั่นคือศักยภาพของมนุษย์ที่จะสามารถทำได้ทางกายภาพ

ตอนนี้ ผมต้องเข้าประชุมมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน โดยส่วนใหญ่เป็นการประชุมออนไลน์ และไม่มีความสำคัญอีกต่อไปว่าจะเป็นการประชุมในเวลาเดียวกันหรือไม่เพราะว่าผมสามารถสร้างตัวแทนเสมือนของผม หรือ avatar เข้าไปนั่งประชุมแทน แล้วสรุปจดประเด็นต่าง ๆ โดยระบบ AI ของผมนั้นสามารถที่จะถอดคำพูดทั้งหมดของทุกคนได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีทำให้ผมได้บันทึกการประชุมหลังจากการประชุมทันที ผมนำข้อสรุปเหล่านั้นมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อจะพัฒนาไปสู่การทำนโยบายระดับชาติต่อไป

ไกลไปมา ๆ ผมใช้เวลาเยอะขึ้นกับการทำงานและก็ได้ผลผลิตที่มากขึ้นกว่าเดิม แต่กลับกลายเป็นว่าที่เคยคิดว่า AI จะมาช่วยทำให้เวลาพักผ่อนผมจะมากขึ้นเพราะว่าทำการแทนผมไปเยอะนั้นดันไม่เป็นความจริงซะงั้น

นี่คือความขัดแย้ง: ในขณะที่ AI เพิ่มภาระให้เรา มันก็เปิดโอกาสใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน

คำถามไม่ใช่ว่าจะใช้ AI หรือไม่แต่เป็นว่าจะใช้มันอย่างไรโดยไม่สูญเสียความเป็นมนุษย์

เครื่องมือ AI ที่ใช้งานได้จริง

ผมขอแชร์สิ่งที่ผมใช้ในแต่ละวันในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายในประเทศไทย:

สำหรับการถอดเสียง:

  • Fireflies.ai – เครื่องมือถอดเสียงเป็นตัวอักษรตัวเดียวที่รองรับภาษาไทยได้ดี มันสร้างบันทึกที่มี timestamp เพื่อให้คุณรู้ว่าประเด็นแต่ละเรื่องถูกพูดถึงเมื่อไหร่ในการประชุม ต่างจากเครื่องมืออื่นที่แค่ถ่ายข้อความมาทิ้ง ตัวนี้รักษาโครงสร้างการเล่าเรื่องที่คุณต้องการสำหรับงานกฎหมาย
  • Plaud.ai เครื่องมือชุดนี้จะเป็นฮาร์ดแวร์ที่เราจะต้องซื้อระบบแบบรายเดือนไปใช้ด้วยกันแต่ข้อดีคือสามารถบันทึกและถอด test ได้ไม่จำกัดจำนวนคำและชั่วโมง

สำหรับการวิจัย:

  • Perplexity AI – เมื่อผมต้องการทำความเข้าใจประเด็นที่ซับซ้อน ผมไม่ได้แค่ขอให้ AI สรุป ผมให้คำสั่งเฉพาะเจาะจง: “ช่วยวิจัยอย่างลึกซึ้งจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะฐานข้อมูลกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายไทย ให้แหล่งอ้างอิง ทำให้มันน่าเชื่อถือทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ” มันทำงานเหมือนมีทีมนักวิจัย 100 คนอยู่เบื้องหลัง

สำหรับความเป็นส่วนตัว:

  • LM Studio – โปรแกรมนี้รัน AI ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ข้อมูลลูกค้าที่ละเอียดอ่อนไม่ออกจากเครื่องของคุณเลย นี่สำคัญมากเมื่อต้องจัดการกับเอกสารทางกฎหมายที่เป็นความลับ คุณไม่สามารถปล่อยให้มันไหลผ่านเซิร์ฟเวอร์ภายนอกที่คุณไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นได้ ในขณะเดียวกันข้อดีอีกอย่างของเครื่องมือชุดนี้ก็คือเราไม่จำเป็นจะต้องเสียค่าใช้บริการให้กับระบบนี้เนื่องจากระบบนี้ทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไม่ได้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์หรือว่าคราวของบริษัทที่ให้บริการอย่างเช่น OpenAI

สำหรับการวิเคราะห์เอกสาร:

  • Microsoft Lens (เดิมชื่อ Office Lens) – ผมสแกนเอกสารศาลแล้วป้อนเข้าระบบ AI ที่สามารถดึงประเด็นสำคัญ ระบุ precedent ที่คล้ายกัน และแม้แต่ช่วยร่างอุทธรณ์โดยอ้างอิงจากรูปแบบที่พบในคดีที่ชนะมา ความสามารถของซอฟต์แวร์ตัวนี้ในการอ่านประโยคและดึงข้อความนั้นออกมาเป็นตัวอักษรสามารถช่วยได้มากในการทำงานที่จะต้องมีความไหลรื่นระหว่างข้อมูลเชิงเอกสารและข้อมูลที่จะต้องนำไปทำให้เป็นข้อมูลเชิงดิจิทัลเพื่อการวิเคราะห์ต่อไป

ให้สั่งงาน AI เหมือนคุณกำลังจ้างคน

นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมเรียนรู้ พูดกับ AI เหมือนคุณกำลังมอบหมายงานให้ผู้ช่วยทนายที่เก่งที่สุดของคุณ อย่าแค่พูดว่า “สรุปคดีนี้” แต่ให้พูดว่า:

“ผมเป็นทนายที่ต้องการอุทธรณ์คดีนี้ คำพิพากษานี้ยาวหลายหน้า ผมต้องการให้คุณสร้างสรุปอุทธรณ์ที่ไม่เกินหนึ่งหน้ากระดาษ
จับประเด็นสำคัญทั้งหมด—ทั้งเหตุการณ์และข้อโต้แย้งทางกฎหมาย เขียนในลักษณะที่คนที่ไม่ใช่ทนายสามารถเข้าใจได้ เน้นศักยภาพในการฟื้นฟูเพื่อลดโทษ มีการระบุความเสียหายที่เกิดขึ้นและวิธีการแก้ไขที่เสนออย่างชัดเจน”

เห็นความแตกต่างหรือไม่? คุณกำลังกำหนด:

  1. คุณคือใคร (บทบาทของคุณ ทนาย ลูกความ ฯ)
  2. คุณต้องการอะไร (ผลลัพธ์ ฟ้อง ไม่ฟ้อง ไกล่เกลี่ย ฯ)
  3. ทำไมคุณถึงต้องการมัน (วัตถุประสงค์)
  4. เอกสารที่ค้องการสร้างควรมีโครงสร้างอย่างไร (รูปแบบ)
  5. ควรใช้มุมมองอะไร (น้ำเสียง)

ปัจจุบัน AI มีความสามารถสูงกว่าเดิมมาก อาจจะยังจำกันได้เมื่อเรา 2-3 ปีที่แล้วเราต้องมาศึกษาเรียนรู้เรื่องการเขียน Prompt เพื่อที่จะให้ AI สามารถทำงานได้อย่างที่เราต้องการ แต่ทุกวันนี้ AI สามารถที่จะเข้าใจสถานการณ์จากบริบทของเอกสารที่เราต้องการให้ AI มีปฏิสัมพันธ์ได้เองแล้ว หมายความว่าถ้าเราอัพโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเข้าไปเมื่อ AI เข้าใจว่าเป็นเอกสารชุดด้วยกฎหมาย AI ก็จะปรับตัวเองให้เป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายทันที” โดยที่เราไม่จำเป็นจะต้องเขียนอีกต่อไปว่าต้องการให้ AI “ทำตัวราวกับว่าตัวเองเป็นนักกฎหมายมืออาชีพ”

กรณีศึกษา: จากจำคุก 20 ปีสู่ความหวัง

ผู้เข้าเรียนหลักสูตรท่านหนึ่งแชร์คดีหนึ่งกับผม จำเลยสี่คนถูกตัดสินในคดีทุจริตครั้งใหญ่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จำเลยคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านที่แค่จัดหาสินค้าให้หน่วยงานราชการ ติดคุก 20 ปี โดยจำเลยท่านนี้ อายุ 60 ปี แล้ว

การใช้ AI เราทำอะไรได้บ้าง:

  1. ป้อนคำพิพากษาศาลฉบับเต็มเข้าไป
  2. ขอให้ระบุปัจจัยบรรเทาโทษทั้งหมดที่ศาลยอมรับ
  3. ขอการวิเคราะห์รูปแบบการพิจารณาโทษในคดีที่คล้ายกัน
  4. สร้างกรอบการอุทธรณ์ที่เน้นความเหมาะสมสมดุล
  5. ร่างข้อโต้แย้งเรื่องการฟื้นฟูที่เจาะจงกับบทบาทของจำเลยคนนี้

AI ไม่สามารถสร้างข้อโต้แย้งทางกฎหมายได้ แต่มันสามารถระบุรูปแบบจากคดีหลายร้อยคดีภายในไม่กี่นาที งานที่นักวิจัยมนุษย์ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ มันพบคดีความในอดีตที่สามารถใช้ในการอ้างอิงการตัดสินในปัจจุบันหรือที่เรียกในภาษากฎหมายว่า “precedents” ที่ผู้สนับสนุนได้รับโทษที่ลดลง มันเน้นถ้อยคำเกี่ยวกับโอกาสครั้งที่สองที่ผู้พิพากษาเคยใช้สำเร็จมาก่อน

นี่คือ AI ในฐานะพันธมิตรการวิจัย ไม่ใช่ทนายทดแทน

กฎสามข้อสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมาย

หลังจากทดลองมาหลายปี นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้:

1. ใช้ AI พร้อมกับความเข้าใจ

อย่ายอมรับผลลัพธ์จาก AI ตามตัว คุณต้องมีความรู้ทางกฎหมายเพื่อประเมินสิ่งที่มันให้คุณ AI สามารถหารูปแบบได้ แต่มันไม่สามารถเข้าใจความยุติธรรม มันสามารถอ้างอิง precedents ได้ แต่มันไม่สามารถชั่งน้ำหนักด้วยปัญญา

ต้องไม่ลืมว่า AI ไม่เหมือนมนุษย์ หมายความว่า AI ไม่ได้ใช้อารมณ์หรือความรู้สึกในการตัดสินใจแต่ AI ใช้ความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของการสื่อสารมาใช้ในการตัดสินใจว่าจะมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์อย่างไร ซึ่งตรงนี้ถ้ากลับไปที่กรณีศึกษากรณีแรกในเรื่องของเพื่อนบ้านทิ้งน้ำเสียก็จะเห็นได้ว่า AI จะมองในเรื่องของปัญหาในมิติของกฎหมายมากกว่าในมิติของความสัมพันธ์เชิงมนุษย์

2. ใช้ AI เพื่อสร้างความเข้าใจ

ขอให้มันอธิบายประเด็นที่ซับซ้อน ให้มันสร้างคู่มือการศึกษา ใช้มันเพื่อทดสอบข้อโต้แย้งของคุณเองโดยให้มันเล่นเป็นฝ่ายตรงข้าม เป้าหมายคือเพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญของคุณเอง

ผมมักจะบอกไว้ตลอดเวลาว่าถ้าเราไม่สามารถจินตนาการมนุษย์ทำงานแทนเราได้ เราก็ไม่ควรจะไปสั่ง AI เพราะว่าสิ่งที่ AI สามารถทำได้ก็คือการประมวลผลที่เร็วกว่าเมื่อเราเปรียบเทียบกับการให้มนุษย์ไปทำ โดยที่ความเร็วที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากศักยภาพในการประมวลผลของชิปคอมพิวเตอร์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ว่าหลักการในการได้มาซึ่งคำตอบจะต้องเป็นแนวทางที่มนุษย์เป็นคนวางแผนขึ้นมาเพื่อที่จะให้ AI ไปทำงานได้เร็วขึ้นเพื่อที่เป้าผลลัพธ์จะได้ครอบคลุมในทุกมิติและรายละเอียดที่มนุษย์ผู้สั่งงานนั้นต้องการที่จะได้

3. สร้างแรงจูงใจสำหรับการใช้งานที่เหมาะสม

ในสำนักงานหรือองค์กรของคุณ ทำให้การฝึกอบรม AI เป็นข้อบังคับ แสดงให้คนเห็นว่ามันทำให้งานของพวกเขาดีขึ้นอย่างไร ไม่ใช่แค่เร็วขึ้น สร้างระบบที่การใช้ AI อย่างเหมาะสมได้รับการยอมรับและรางวัล มิฉะนั้นคนจะกลัวมันหรือใช้มันผิดวิธี

นี่คือช่วงเวลาของเครื่องคิดเลข

ในปี 2509 เมื่อเครื่องคิดเลขอิเล็กทรอนิกส์ถูกประดิษฐ์ขึ้น ครูคณิตศาสตร์ทั่วโลกประท้วง พวกเขาเชื่ออย่างจริงใจว่าถ้านักเรียนใช้เครื่องคิดเลข คนรุ่นทั้งหมดจะเติบโตขึ้นมาโดยไม่สามารถคิดทางคณิตศาสตร์ได้

คุณครูเหล่านี้กังวลเรื่องการศึกษา หรือกังวลเรื่องงานของพวกเขา?

วันนี้ เราส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์โดยใช้คอมพิวเตอร์ ไม่มีใครโต้แย้งว่าเครื่องคิดเลขทำให้เราโง่ เราเรียนรู้ว่าเครื่องมือไม่ได้แทนที่การคิด มันปลดปล่อยเราให้คิดเกี่ยวกับปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น

AI คือช่วงเวลาของเครื่องคิดเลขของคนรุ่นเราในวงการกฎหมาย

คำถามไม่ใช่ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงการประกอบวิชาชีพกฎหมายหรือไม่ มันจะเปลี่ยน มันเปลี่ยนแล้ว

คำถามคือเราจะใช้มันเพื่อเป็นทนายที่ดีขึ้น ละเอียดถี่ถ้วนในการวิจัยมากขึ้น สร้างสรรค์ในการโต้แย้งมากขึ้น เข้าถึงได้สำหรับลูกค้าที่เคยไม่สามารถจ่ายค่าเวลาของเราได้ หรือเราจะต่อต้านจนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

สรุปส่งท้าย

เทคโนโลยีนี้ไม่ได้หายไปไหน คำถามคือผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายไทยจะเป็นผู้นำในการนำมันมาใช้อย่างรอบคอบหรือไม่ หรือเราจะปล่อยให้คนอื่นกำหนดว่ามันจะหล่อหลอมวิชาชีพของเราอย่างไร

ผมเชื่อว่าเราสามารถเป็นผู้นำได้ ผมเชื่อว่าเราสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อทำให้ความยุติธรรมเข้าถึงได้มากขึ้น บริการทางกฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น และงานของเราเองมีความสุขมากขึ้น

แต่เฉพาะถ้าเราเริ่มเรียนรู้ตอนนี้ เฉพาะถ้าเราแบ่งปันความรู้อย่างเปิดเผย เฉพาะถ้าเราจำไว้ว่าเป้าหมายไม่ใช่เพื่อแทนที่การตัดสินของมนุษย์ด้วยตรรกะของเครื่องจักร แต่เพื่อขยายปัญญาของมนุษย์ด้วยความสามารถของเครื่องจักร

ปัญหาน้ำเสียของเพื่อนบ้านยังคงต้องการวิธีแก้ไขแบบมนุษย์ แต่ AI สามารถช่วยคุณวิจัยกฎหมายเร็วขึ้น ร่างจดหมายเบื้องต้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปลดปล่อยเวลาของคุณเพื่อมีการสนทนาที่แก้ไขปัญหาได้จริง

นั่นคืออนาคตที่เราควรสร้างร่วมกัน

ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ฝ่ายส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...