Nvidia แซงหน้า Apple และ Microsoft ขึ้นแท่นบริษัทแรกมูลค่าเกิน 4 ล้านล้านเหรียญ

Nvidia ทำสถิติใหม่ กลายเป็นบริษัทแรกในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐที่มีมูลค่าทะลุ 4 ล้านล้านเหรียญ (130 ล้านล้านบาท) แซงหน้า Apple และ Microsoft

Nvidia สร้างประวัติศาตร์ครั้งใหม่ด้วยการทำสถิติมูลค่าบริษัททะลุ 4 ล้านล้านเหรียญ (130 ล้านล้านบาท) การจากซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ในช่วงเปิดตลาดนั้นมูลค่าหุ้นของ Nvidia เพิ่มขึ้นเกือบ 2.76% แต่หลังปิดตลาด หุ้นของบริษัทราคาร่วงลงไปนิดหน่อย เพิ่มขึ้นมาแค่ 1.8% ทำให้มูลค่ารวมหล่นไปอยู่ที่ 3.9 ล้านล้านเหรียญ

เรียกว่าเป็นบริษัทแห่งแรกที่สามารถแซงหน้าทั้ง Apple และ Microsoft ได้สำเร็จ หลังจากที่เมื่อช่วงต้นปี Apple ได้ขึ้นแท่นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกที่ 3.9 ล้านล้านเหรียญ แต่การขึ้นภาษีการค้าของทรัมป์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กลับสร้างผลกระทบอย่างมาก ส่งให้ Nvidia และ Microsoft สลับกันแซงหน้า Apple ขึ้นเป็นที่ 1 แต่ก็ยังไม่มีบริษัทไหนที่มูลค่าทะลุ 4 ล้านล้านเหรียญเลย

แม้บริษัท Nvidia จะมีชื่อเสียงจาก GPU ในหมู่พีซีเกมเมอร์ แต่ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ Nvidia ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้านั้นมาจากเทคโนโลยี AI ที่บูมเป็นอย่างมากนับตั้งแต่ ChatGPT เปิดตัวในช่วงปลายปี 2022 ทางบริษัทวิจัยตลาด The International Data Corporation คาดการณ์ว่า การลงทุนด้าน AI จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ทั่วโลกจะทะลุ 2 แสนล้านเหรียญภายในปี 2028

ชิปของ Nvidia นั้นเป็นที่ต้องการอย่างมาก บริษัทใหญ่ๆ ทั้ง Microsoft, Amazon และ Google ต่างก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ นำไปใช้กับ Data Center เพื่อขับเคลื่อนโมเดล AI และบริการคลาวด์ ไตรมาสล่าสุดทางบริษัททำรายได้ 44,100 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 69% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แค่ปีนี้เพียงปีเดียวมูลค่าบริษัทก็เพิ่มขึ้นมาถึง 21%

ทาง Nvidia ได้ต่อยอดพัฒนาโมเดล AI ใหม่ๆ เพื่อใช้งานกับหุ่นยนต์และยานพาหนะอัตโนมัติ แถมในงานประชุมนักพัฒนาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็มีการเปิดตัว Blackwell Ultra ที่รองรับโมเดล AI ที่มีความสามารถในการใช้เหตุผลที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

Jensen Huang CEO ของ Nvidia เองก็ขึ้นแท่นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 10 ของโลกโดย Bloomberg Billionaire’s Index ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 140,000 ล้านเหรียญ แถมเขายังมีสายสัมพันธ์อันดีกับทรัมป์ เนื่องจากเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันให้ทรัมป์ขยายฐานเทคโนโลยีของอเมริกาไปยังประเทศต่างๆ

Nvidia เองก็ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น DeepSeek สตาร์ทอัพสัญชาติจีนที่คิดค้นวิธีพัฒนาโมเดล AI ที่ทรงพลังแต่มีต้นทุนต่ำ นั่นจึงทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า จำเป็นต้องใช้ชิปและฮาร์ดแวร์ราคาแพงเพื่อพัฒนา AI หรือไม่

รวมถึงสงครามการค้าจีนและสหรัฐยังทำให้บริษัทไม่สามารถส่งชิป H20 AI เข้าไปขายในจีนที่เป็นตลาดใหญ่ได้ ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้ พลาดที่จะทำรายได้เพิ่มอีก 2,500 ล้านเหรียญไปอย่างน่าเสียดาย

ที่มา cnn

dailygizmo

นักเขียนสาย Introvert ที่ชื่นชอบเรื่องนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ใช้เวลาว่างกับ มังงะ, เสียงเพลงและ idol