การ์ทเนอร์ (Gartner) เผยบทวิเคราะห์ล่าสุด ระบุว่า แม้ผู้นำด้านสารสนเทศ (CIO) ในองค์กรภาครัฐทั่วโลกกำลังเพิ่มงบประมาณสำหรับ Generative AI (GenAI) อย่างก้าวกระโดด แต่การลงทุนเหล่านั้นอาจไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริง หากยังคงมุ่งเน้นเพียงแค่การเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ของพนักงาน โดยชี้ว่ากุญแจสำคัญคือการเปลี่ยนไปใช้ GenAI เพื่อจัดการ “คอขวดเชิงระบบ” และสร้างผลกระทบทางการเงินที่วัดผลได้
Dean Lacheca รองประธานนักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์
ดีน ลาเชคา (Dean Lacheca) รองประธานนักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจล่าสุดของการ์ทเนอร์ พบว่าภายในปี 2026 ผู้บริหารไอทีภาครัฐถึง 80% จะเพิ่มงบประมาณด้าน GenAI ขึ้นอีก 38% เมื่อเทียบกับปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อบริการสาธารณะที่รวดเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมของหน่วยงานราชการที่ถูกจำกัดด้วยกฎระเบียบและระบบดั้งเดิม (Legacy Systems) ทำให้การเพิ่มผลิตภาพเพียงอย่างเดียวมักไม่เกิดประโยชน์จริง เวลาที่ประหยัดได้มักถูกใช้ไปกับงานอื่นอย่างรวดเร็ว โดยแทบไม่มีผลต่อการให้บริการ งบประมาณ หรือภารกิจหลัก
คุณค่าของ GenAI ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อนำไปใช้ในจุดที่เป็นคอขวดของการทำงาน หรือจุดที่จำกัดประสิทธิภาพองค์กร
ดีน ลาเชคา
ผู้นำไอทีภาครัฐจำเป็นต้องเปลี่ยนโฟกัสจากการเพิ่มผลิตภาพ ไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงินและขยายผลกระทบต่อภารกิจหลัก”
การ์ทเนอร์ได้นำเสนอ 6 กลยุทธ์สำคัญที่ผู้นำไอทีภาครัฐสามารถใช้ GenAI เพื่อขับเคลื่อนภารกิจและลดต้นทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม:
ลดงานซ้ำซ้อน (Reduce Double Handling): ปัญหาการกรอกเอกสารหรือคำร้องที่ซ้ำซ้อนทำให้บริการล่าช้าและสิ้นเปลืองงบประมาณ GenAI สามารถใช้ในการประมวลผลล่วงหน้า (Preprocessing) หรือคัดแยกคำร้อง เช่น การประมวลผลคำขอใบอนุญาตก่อสร้าง
ลดต้นทุนการเข้าถึง (Lower Cost of Access): กระบวนการที่ใช้แรงงานคนจำนวนมากทำให้ค่าใช้จ่ายสูง GenAI สามารถทำงานประจำ เช่น การสร้างเนื้อหา หรือการแปลข้อมูล ได้อัตโนมัติ ซึ่งจะเปลี่ยนฝ่ายไอทีจาก “Cost Centre” ให้กลายเป็น “Value Creator”
เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Increase Operational Efficiency): บุคลากรภาครัฐเสียเวลาหลายชั่วโมงไปกับการเขียนรายงานและการบันทึกข้อมูล GenAI สามารถทำงานร่วมกับ Deterministic AI เพื่อเปลี่ยนข้อมูลเสียงและวิดีโอให้เป็นข้อความที่มีโครงสร้างและแม่นยำได้แบบเรียลไทม์ ช่วยลดเวลาในการเขียนรายงานและถอดความได้อย่างชัดเจน
มุ่งลดต้นทุนไอที (Pursue Cost Reduction Within IT): งานวิจัยของการ์ทเนอร์ระบุว่า กว่า 15% ของงบประมาณไอทีภาครัฐหมดไปกับการจ้างงานภายนอก (Outsourcing) CIO สามารถใช้ GenAI เป็นเครื่องมือต่อรองในการเจรจาสัญญาใหม่ ซึ่งอาจช่วยลดราคาลงได้ 5-20% ในงานอย่างฝ่ายบริการ (Service Desk)
ลดตัวแปรที่เกิดจากบุคคลที่สาม (Reduce Third Party Variables): หน่วยงานรัฐมักพึ่งพาการทำสัญญาระยะสั้นกับผู้เชี่ยวชาญภายนอกสำหรับงานเฉพาะทาง เช่น การออกแบบ หรือแคมเปญสื่อสาร GenAI สามารถมอบประสิทธิภาพและความเชี่ยวชาญเหล่านี้แบบออนดีมานด์ ช่วยให้ทีมภายในจัดการงานได้ทันทีและลดค่าใช้จ่ายโดยตรง
สร้างสัญญาที่รัดกุมและลดภาวะงบประมาณบานปลาย (Stronger Contracts and Cost Inflation Reduction): ต้นทุนที่สูงขึ้นมักเกิดจากข้อกำหนดในสัญญาที่อ่อนแอ GenAI สามารถประมวลผลสัญญาในอดีตหลายพันฉบับ เพื่อตีความภาษาที่คลุมเครือ และส่งสัญญาณเมื่อพบข้อกำหนดค่าปรับหรือค่าธรรมเนียมที่ถูกมองข้าม ช่วยให้ CIO สามารถเจรจาต่อรองข้อกำหนดที่เข้มแข็งขึ้นได้
การ์ทเนอร์ยังแนะนำว่า ในขณะที่นำ AI มาใช้มากขึ้น องค์กรภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับ “การให้มีมนุษย์ร่วมตรวจสอบ (Human In The Loop)” และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เพื่อให้การใช้ GenAI สามารถปลดล็อกผลประโยชน์ในวงกว้าง และก้าวข้ามความสำเร็จเพียงเฉพาะจุดได้
See Culture. Spark Innovation. Illuminate the Future.