
BDI เผยทิศทางปี 2569 เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศด้วย Big Data และ AI ผ่านแพลตฟอร์ม D2 ที่เชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐ–เอกชนแบบกระจายศูนย์ พร้อมเร่งสร้างระบบนิเวศ AI และพัฒนาทักษะคนไทยให้ใช้ AI เป็น
ศ. ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ กล่าวว่า BDI ถือเป็นหน่วยงานหลักขับเคลื่อนการใช้ข้อมูลและ AI ของประเทศ เพื่อสนับสนุนการทำงานของภาครัฐให้ทันสมัย โดยมีภารกิจสำคัญ 3 ด้าน คือ

1. การบูรณาการข้อมูลภาครัฐ (Data Integration): การเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในเชิงวิเคราะห์ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยี AI และ Data Science เพื่อยกระดับและสร้่งนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคประชาชน
2. การสร้างระบบนิเวศด้าน AI : ส่งเสริมให้เกิดการจับคู่ระหว่างผู้ที่ต้องการใช้ AI แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร กับผู้ให้บริการ AI ที่ต้องการหาลูกค้า เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้และเข้าใจ AI ในประเทศให้มากขึ้นตามแผน AI แห่งชาติ
3. การพัฒนาบุคลากรและสร้างความตระหนักรู้ ผ่านหลักสูตรออนไลน์ที่สามารถขยายผลได้ในวงกว้างและเข้าถึงคนจำนวนมาก โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนสมัยใหม่ เพื่อทำให้คนรู้จักและเข้าใจการใช้ข้อมูลและ AI มากขึ้น
ความท้าทายของการบูรณาการข้อมูลคือ แต่ละหน่วยงานต่างคนต่างเก็บทำให้การดึงข้อมูลมาใช้งานร่วมกันเกิดความยาก นั้นจึงทำให้ BDI ออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (ดีทู) หรือ Data Integration and Intelligence Platform (D2) เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานกลางในการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรอย่างเป็นมาตรฐานเพื่อนำไปใช้ประโยชน์
ด้วยการใช้รูปแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ผ่านการสร้างเส้นทางเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต้นทาง โดยที่ข้อมูลสำคัญยังคงถูกเก็บรักษาอยู่ที่กรมหรือกระทรวงเดิม แถมหน่วยงานสามารถเลือกรูปแบบการส่งข้อมูลได้หลากหลาย เช่น ส่งข้อมูลเป็นประจำ, ส่งเป็นครั้งคราว, ส่งเมื่อจำเป็น หรืออนุญาตให้ BDI จัดเก็บหรือไม่ก็ได้

แพลตฟอร์มนี้ได้นำมาใช้งานจริงเพื่อจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยเฉพาะกรณีน้ำท่วมหาดใหญ่ โดย BDI รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากกว่า 23 แพลตฟอร์มอาสาแจ้งเหตึผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อสนับสนุนศูนย์บัญชาการได้อย่างรวดเร็ว พร้อมต่อยอดสู่ “บุรีรัมย์โมเดล” เพื่อสร้างระบบมาตรฐานสำหรับการจัดตั้งศูนย์พักพิงทั่วประเทศ
นอกจากนั้น BDI กำลังผลักดัน “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี” เพื่อสร้างกลไกในการเชื่อมโยงข้อมูลสำคัญ โดยในบทเฉพาะกาลได้ระบุ 100 ชุดข้อมูลแรกที่จำเป็นต่อการตอบสนองต่อภัยพิบัติ เพื่อสร้างความสามารถในการฟื้นตัวของประเทศ (National Resilience) ซึ่งจะมอบอำนาจให้ BDI สามารถขอเชื่อมต่อข้อมูลเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าได้
ตามแผนงานนั้น ทาง BDI ได้เริ่มวางแผนการออกแบบมาตรฐานการเชื่อมโยงข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานในปี 2568 แล้วจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2569 จากนั้นจะขยายบริการด้านปัญญาประดิษฐ์ในปี 2570
ในมิติของปัญญาประดิษฐ์ BDI เป็นแกนกลางในการผลักดันโครงการ Thai Large Language Model (Thai LLM) ที่เป็นความร่วมมือจากหลายภาคส่วนได้แก่ BDI, NECTEC, VISTEC, สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ และสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย
เรียกว่าเป็นความร่วมมือระดับชาติเพื่อสร้าง Foundation Model ภาษาไทยที่มีความสามารถสูง เพื่อสร้าง “อธิปไตยทางดิจิทัลและ AI” (Digital and AI Sovereignty) ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ รวมถึงส่งเสริมการพัฒนา AI ที่เข้าใจบริบททางวัฒนธรรมและสังคมไทยได้อย่างลึกซึ้ง เนื่องจาก AI จากต่างชาติอาจไม่เข้าใจบริบททางสังคมและวัฒนธรรมไทยที่ซับซ้อน ทำให้ตอบคำถามบางประเภทผิดพลาด

การที่ไทยมีโครงสร้างพื้นฐาน AI ของตัวเองจะช่วยให้ภาครัฐสามารถควบคุมราคาและสนับสนุนให้ Startup และ SME เข้าถึงเทคโนโลยีได้ในต้นทุนที่ต่ำลง แม้การแข่งขันโดยรวมจะทำได้ยาก แต่ประเทศไทยสามารถสร้างโมเดลที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Specific Domain) ได้ดีกว่า โดยใช้ข้อมูลที่ไม่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ตสาธารณะ
ส่วนแผนการดำเนินงานและอนาคต ทาง BDI ได้เปิดตัวโมเดลพื้นฐานขนาดเล็ก 8B พารามิเตอร์มาตั้งแต่กันยายน 2568 ส่วนกุมภาพันธ์ 2569 จะปล่อยโมเดลขนาดกลาง และโมเดลด้านการแพทย์ ที่พัฒนาร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลและโรงพยาบาลภาครัฐ โมเดลดังกล่าวถูกออกแบบเพื่อประเมินคัดกรองเบื้องต้น ให้คำแนะนำการดูแลตนเอง และแนะนำการพบแพทย์อย่างเหมาะสม จากนั้นในพฤษภาคม 2569 จะเปิดตัว Chatbot ด้านการแพทย์และ API ให้ทดลองใช้งาน
ส่วนในอนาคตจะพัฒนาให้รองรับภาษาถิ่น, สร้างระบบ API ให้ภาคธุรกิจทดลองใช้ และร่วมมือกับภาคเอกชน เช่น SCB, KBank เพื่อนำโมเดล AI ไปต่อยอดในธุรกิจจริง
นอกจากนี้ BDI ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะองค์กรหลักในการพัฒนาศักยภาพกำลังคนด้าน Big Data และ AI ยังเตรียมมอบของขวัญปีใหม่ 2569 ผ่านหลักสูตรออนไลน์ด้านปัญญาประดิษฐ์ในรูปแบบวิดีโอการสอนจำนวน 3 หลักสูตร ช่วยให้ผู้เรียนสามารถนำ AI ไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การเรียน และการสร้างเนื้อหา พร้อมต่อยอดเป็นทักษะใหม่เพื่อการประกอบอาชีพ หลักสูตรทั้งหมดจะเปิดให้เรียนฟรี ถือเป็นการยกระดับทักษะดิจิทัล เพื่อการพัฒนากำลังคนของประเทศ และขยายโอกาสการเรียนรู้อย่างทั่วถึงและยั่งยืน





