เมื่อ AI ทำ HDD ขาดตลาดนาน 2 ปี ‘SSD QLC’ กลายเป็นทางเลือกใหม่ของ Datacenter

THE SUMMARY:

เมื่อโลกเข้าสู่ยุค AI จากกระแสการแข่งขันเพื่อพัฒนา Artificial General Intelligence (AGI) หรือปัญญาประดิษฐ์ระดับทั่วไป ทำให้บริษัทต่าง ๆ ทุ่มลงทุนสร้างดาตาเซ็นเตอร์ในระดับที่การผลิตจริงไม่สามารถตามทัน ส่งผลให้ชิ้นส่วนสำคัญหลายประเภทขาดแคลน หนึ่งในนั้นคือ DRAM ที่เพิ่งราคาพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่าในเวลาไม่กี่เดือน พร้อมกับ HDD สำหรับองค์กรที่เริ่มขาดตลาดหนักเช่นเดียวกัน

HDD สำหรับดาตาเซนเตอร์ ขาดตลาดยาว 2 ปี

หนึ่งในสัญญาณชัดเจนของปัญหานี้ คือรายงานที่ระบุว่า ฮาร์ดดิสก์ระดับองค์กร (Enterprise HDD) เริ่มประสบปัญหาขาดตลาดอย่างหนัก โดยมีคิวส่งมอบล่าช้ายาวนานถึง 2 ปีเต็ม

สื่อบันทึกข้อมูลถือเป็นหัวใจหลักของระบบ AI เนื่องจากต้องใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลในการฝึกฝนตัวโมเดล ทำให้ต้องมีการสร้างดาตาเซนเตอร์แห่งใหม่จำนวนมาก ซึ่งจำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอย่าง HDD และ SSD

Hyperscaler บริษัทผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ หันไปใช้ SSD ‘QLC’

แต่เนื่องจากความต้องการใน HDD ที่พุ่งสูงขึ้น หากต้องการซื้อความจุสูง ๆ ที่ใช้สำหรับงานดาตาเซนเตอร์อาจต้องรอคิวยาวถึง 2 ปี ในขณะที่เงินทุนด้าน AI ไม่รอใคร เหล่า hyperscaler บริษัทผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ จึงเริ่มหันไปใช้ SSD แบบ ‘QLC’ แทน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้น

SSD QLC คืออะไร ?

QLC คือชนิดของชิป NAND ที่ใช้ใน SSD ซึ่งมีระดับต่ำที่สุด ที่ช่วยทั้งลดต้นทุน และมีอายุการใช้งานเพียงพอสำหรับการเก็บข้อมูลประเภท cold storage หรือข้อมูลที่ไม่ค่อยถูกใช้งาน

ทำให้ SSD ประเภทนี้มีต้นทุนที่ถูกกว่าแบบ TLC ที่ประสิทธิภาพดีกว่า กลายเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลที่สถานการณ์ตอนนี้

สุดท้ายทุกคนต่างแย่งกันซื้อ QLC จนของขาดอีกครั้ง…

แต่เมื่อบริษัทในฝั่งอเมริกาเหนือ และจีนต่างแย่งกันซื้อ QLC ก็ทำให้เกิดการขาดแคลน SSD ชนิดนี้ตามไปด้วย ส่งผลให้ราคา SSD ทั่วโลกอาจพุ่งขึ้น เพราะ SSD ราคาประหยัดส่วนใหญ่มักใช้ QLC เพื่อลดต้นทุน พร้อมกับมีรายงานว่า กำลังการผลิตของผู้ผลิตหลายรายเต็มยาวไปจนถึงปี 2026 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากสถานการณ์ในตอนนี้ ทำให้คาดได้ว่า QLC จะมียอดการใช้งานแซงชิปแบบ TLC ภายในช่วงตจ้นปี 2027 โดยถือเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างตลาดสตอเรจครั้งใหญ่ ขณะเดียวกันผู้ผลิตยักษ์ใหญ่อย่าง Sandisk ก็ได้ขึ้นราคาชิป NAND ไปแล้วกว่า 50% จากที่เคยประกาศว่าจะขึ้นเพียง 10% เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ผู้ผลิตได้ประโยชน์ ในขณะที่ผู้บริโภคทั่ว ๆ ไปอาจเจอปัญหาอีกระลอก

ทำให้ตอนนี้ ผู้ผลิตชิป DRAM และ NAND ส่วนใหญ่เริ่มขายกำลังผลิตให้ลูกค้า AI ที่ยอมจ่ายราคาสูงกว่า ทำให้จากเดิมที่เคยมีสต็อกสำรอง 2–3 เดือน ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์ จนส่งผลให้รายได้ของหลายบริษัทพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบปี หลังจากซบเซามาอย่างยาวนาน

แม้ในฝั่งผู้ผลิตจะได้ประโยชน์เต็ม ๆ แต่ตามธรรมชาติของตลาด ผลกระทบก็จะย้อนกลับมาหาผู้บริโภคทั่วไปอย่างแน่นอน ซึ่งอาจต้องเจอกับปัญหาการขาดแคลนครั้งใหม่ เหมือนในยุคที่การ์ดจอแพงเพราะกระแสเหมืองคริปโตในอดีตนั่นเอง

ที่มา: Tom’s Hardware

'ช่างภาพ' ที่เขียนคอนเทนต์ได้ หาเงินซื้อเปียกให้แมว 3 ตัว ที่บ้าน

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...