
ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ กระแส AI กำลังกลายเป็นเทรนด์หลัก เหล่าบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ต่างทุ่มเงินสร้างดาตาเซนเตอร์ใหม่ทั่วโลก ทำให้โครงสร้างพื้นฐานอย่าง ชิป DRAM และฮาร์ดดิสก์ (HDD) ถูกแย่งใช้จนซัพพลายเริ่มตึง ส่งสัญญาณว่าในอนาคตราคาการ์ดจออาจกลับมาแพงอีกครั้ง คล้ายยุคบูมขุดเหมือง Bitcoin ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
ทั้ง DRAM และ HDD เรียกว่าเป็นหัวใจของระบบ AI โดยเฉพาะดาตาเซนเตอร์ระดับใหญ่ที่ต้องใช้เมมโมรีจำนวนมหาศาล ล่าสุดยังมีรายงานว่า HDD สำหรับดาตาเซนเตอร์กำลังจะเข้าสู่ช่วงขาดตลาดยาวถึง 2 ปี จากความต้องการของกลุ่ม AI ที่พุ่งสูงแบบกะทันหัน
ด้านซัพพลาย DRAM ก็เช่นกัน บริษัท SK Hynix ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ระดับโลกออกมายืนยันว่า “กำลังการผลิต DRAM, NAND และ HBM ของปีหน้าถูกจองเต็มหมดแล้ว” ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าซัพพลายกำลังถูกดูดไปฝั่ง AI อย่างหนัก
ตามปกติแล้วชิป DRAM และ GDDR (หน่วยความจำของการ์ดจอ) มักแชร์ไลน์ผลิตเดียวกัน เมื่อมีความต้องการด้าน AI ที่สูงกว่า และทำเงินได้มากกว่า ผู้ผลิตจึงมีแนวโน้มที่จะโยกกำลังการผลิตไปที่ HBM และ DRAM สำหรับงาน AI ก่อน ส่งผลให้กำลังผลิตฝั่ง GDDR สำหรับการ์ดจอถูกลดลง
หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่คือ OpenAI ที่กำลังเดินหน้าโพรเจกต์ยักษ์ ‘Stargate’ ซึ่งต้องการขยายกำลังเซิร์ฟเวอร์อย่างรวดเร็ว โดยมีทั้ง Samsung และ SK Hynix ร่วมลงนามในสัญญาจัดหาหน่วยความจำให้กับโพรเจกต์นี้แล้ว
โครงการนี้มีความต้องการกำลังผลิตชิปสูงถึง 900,000 เวเฟอร์ต่อเดือน ซึ่งแม้จะเป็นแผนการเพิ่มกำลังผลิต ไม่ใช่ตัวเลขการใช้งานทันที แต่ก็ถือเป็นโพรเจกต์ที่มีแนวโน้มจะกินสัดส่วน DRAM จำนวนมหาศาลของตลาดโลกในอนาคต
ผลกระทบทำให้ฝั่ง DDR5 ราคาขึ้นมากกว่า 2 เท่า และมีแนวโน้มที่จะขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดที่จุดไหน ยกตัวอย่าง แรมหลายรุ่น DDR5-4800 2x16GB, DDR5-5200 2x16GB, DDR5-5600 2x16GB และ DDR5-6000 2x16GB ก็ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา




รวมไปถึงชุดคิต RAM 64GB ที่ก่อนหน้านี้เคยมีราคาเพียง 200 เหรียญ (ประมาณ 6,500 บาท) ในช่วงต้นปี 2025 ปัจจุบันขึ้นสูงเกือบ 500 เหรียญ (ประมาณ 16,000 บาท) เข้าไปแล้ว
ปัญหาตอนนี้ทำให้ราคาชิป GDDR เริ่มปรับราคาขึ้นตามตลาด DRAM ด้วยเช่นกัน แม้ราคาของการ์ดจอยังอยู่ในจุดที่คงที่ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะขยับขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
แม้ราคาของชิปหน่วยความจำ GDDR6 และ GDDR7 ยังไม่แน่ชัด แต่ทางเว็บไซต์ TechSpot ประมาณการว่า หากราคาหน่วยความจำเพิ่มขึ้น 30%, 50% และ 100% ตามลำดับ จะทำให้ต้นทุนการ์ดจอเพิ่มขึ้น
ยกตัวอย่างการ์ดจอ GDDR6 16GB อาจมีราคาพุ่งขึ้นอีก 25-100 เหรียญ (ประมาณ 800-3,200 บาท) ขึ้นอยู่กับกำไรที่ทางผลิตบวกเพิ่มเอาไว้ โดยหากเป็นรุ่นที่ใช้ GDDR7 จะได้รับผลกระทบหนักกว่า ทำให้ราคาปรับขึ้นสูงยิ่งขึ้น
แต่หากในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หากราคา VRAM เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า การ์ดจอเองก็น่าจะปรับราคาสูงขึ้นอีก 200-300 เหรียญ (ประมาณ 6,400 – 9,700 บาท) เลยทีเดียว
และยังไม่นับกรณีที่กำลังผลิตลดลงจนการ์ดจอเริ่มขาดตลาด ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริง ราคาก็มีโอกาสพุ่งสูงขึ้นไปได้อีกหลายเท่า เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้…
เมื่อรวมทุกปัจจัยเข้าด้วยกัน ทั้งความต้องการ AI ที่พุ่งสูงแบบฉับพลัน ซัพพลาย DRAM ที่ถูกจองเต็มยาวถึงปีหน้า ราคาหน่วยความจำ DDR5 ที่ขึ้นเป็น 2 เท่า ไปจนถึงสัญญาณว่า GDDR สำหรับการ์ดจอเริ่มได้รับผลกระทบ ตลาด PC อาจกำลังก้าวเข้าสู่ “ยุคของแพง” อีกครั้ง
แม้ตอนนี้ราคาการ์ดจอจะยังคงนิ่ง แต่ทิศทางในระยะต่อไปค่อนข้างชัดเจนว่าแรงกดดันด้านต้นทุนกำลังเพิ่มขึ้น หากใครคิดจะอัปเกรด PC หรือซื้อการ์ดจอในช่วงนี้ อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดก่อนที่ราคาจะขยับขึ้นตามเทรนด์ AI ที่กำลังท่วมตลาดโลกในปีต่อ ๆ ไป
ที่มา: TechSpot





