แม้ OpenAI จะอยู่ในช่วงทำสงครามด้านฟีเจอร์ระหว่าง ChatGPT กับ Grok AI ของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ที่หนักหน่วงกว่าเดิม เมื่อมีรายงานว่า OpenAI เตรียมจะเปิดแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์คที่คล้ายกับ X (Twitter เดิม) เป็นของตัวเอง
แม้ OpenAI จะอยู่ในช่วงทำสงครามด้านฟีเจอร์ระหว่าง ChatGPT กับ Grok AI ของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ที่หนักหน่วงกว่าเดิม เมื่อมีรายงานว่า OpenAI เตรียมจะเปิดแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์คที่คล้ายกับ X (Twitter เดิม) เป็นของตัวเอง
OpenAI ประกาศเปิดตัว ‘GPT-4.1’ โมเดล AI รุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อมาจาก GPT-4o โดยกล่าวว่าเวอร์ชันนี้ดีกว่าเดิมในแทบทุกมิติเลยครับ ทั้งหน้าต่าง context window ที่ใหญ่กว่า รวมถึงมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ในส่วนของการ coding และการปฏิบัติตามคำสั่ง ตอนนี้ GPT-4.1 พร้อมให้นักพัฒนาใช้งานกันก่อนแล้วครับ โดยมีโมเดลขนาดเล็กอีก 2 รุ่น ให้เลือกใช้ ได้แก่ ‘GPT-4.1 Mini’ ที่มีจุดเด่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้าคือราคาไม่แพง และ ‘GPT-4.1 Nano’ รุ่นเล็กที่สุด
ChatGBT ขึ้นแท่นกลายเป็นแอปที่มีคนโหลดเยอะที่สุดในโลก (ไม่รวมเกม) ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แซงหน้าแอปยอดฮิตอย่าง Instagram และ TikTok นับเป็นครั้งแรกที่แอปนี้ขึ้นแท่นแอปที่มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดประจำเดือน และยังเป็นเดือนที่มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดตั้งแต่มีมาของ ChatGPT อีกด้วย ! สำหรับยอดดาวน์โหลดรวมของ ChatGPT นั้นขึ้นนำหน้า Instagram เล็กน้อยครับใกล้เคียงกันที่ 46 ล้านครั้ง และตามมาด้วย TikTok ที่ 45 ล้านครั้ง ในเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งสิ่งที่คาดว่าทำให้ ChatGPT มียอดโหลดพุ่งสูงนำหน้าแอปอื่น
ครั้งต่อไปที่เราใช้ ChatGPT ตอนนี้ระบบสามารถจดจำบทสนทนาที่เคยพิมพ์ไว้ในระบบได้แล้วครับ แม้เราจะไม่ได้บอกให้ตัว AI บันทึกไว้ก็ตาม และสามารถอ้างอิงบทสนทนาที่เราเคยพิมพ์ไว้ในอดีตได้อีกด้วย ! ทาง OpenAI เผยว่าได้พัฒนาฟีเจอร์นี้มาตั้งแต่ 2023 ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าความชอบส่วนบุคคลได้ ซึ่งตัว ChatGPT จะนำข้อมูลเหล่านี้มาพิจารณาอ้างอิงกับบทสนทนาในอนาคต เช่น บอกมันว่าครอบครัวของเรามีสมาชิกทั้งหมด 4 คน เพื่อให้ตัว AI แนะนำสูตรอาหารที่เหมาะสมกับทั้ง 4 คนนี้เป็นต้น ทำให้เมื่อเราสนทนากับ ChatGPT มากขึ้นเท่าไร ตัวมันเองก็ยังมีประโยชน์มากขึ้นเท่านั้นครับ โดยบทสนทนาใหม่
ผลการทดลองจากห้องปฏิบัติการด้านภาษาและการรับรู้ของมหาวิทยาลัย UC San Diego ออกมาบอกว่า ผู้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถแยกได้ว่าแชตบอตที่กำลังคุยอยู่คือมนุษย์ หรือ AI โดยเฉพาะ GPT-4.5 ที่สามารถหลอกผู้เข้าร่วมการทดลองได้มากกว่ามนุษย์จริง
กระแสการใช้ AI แปลงภาพถ่ายให้กลายเป็น “ลายเส้นแบบการ์ตูน Ghibli” กำลังมาแรงทั่วโซเชียล มีทั้งภาพสัตว์เลี้ยงสุดน่ารัก ภาพมีมตลก หรือแม้แต่ภาพบุคคล ที่กลายเป็นเหมือนตัวละครในโลกแฟนตาซีของ Studio Ghibli แม้ภาพเหล่านี้จะดูเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลกจนติดเทรนด์ แต่ในฝั่งของผู้สร้างตัวจริงอย่าง ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ผู้ร่วมก่อตั้ง Studio Ghibli ไม่เคยเห็นด้วยกับการใช้ AI มาทำภาพเลยแม้แต่น้อย เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “มันเป็นการดูหมิ่นชีวิตมนุษย์อย่างที่สุด” พร้อมระบุว่า AI ไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ และไม่ควรเข้ามาแทนที่จิตวิญญาณของการสร้างสรรค์
จากรายงานของสำนักข่าว Mirror เผยชีวิตหญิงสาวที่นำอาการผิดปกติของร่างกายไปถาม ChatGPT จากที่คิดว่าแค่เครียด แต่แชทบอตกลับเตือนว่าเธออาจเป็นมะเร็ง และเมื่อไปพบหมอก็กลับเจอมะเร็งเข้าจริง ๆ หลังสูญเสียพ่อจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มาร์ลี การ์นไรเทอร์ หญิงสาววัย 27 ปีจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก็เริ่มมีอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนและคันผิวหนัง ซึ่งเธอคิดว่าเป็นผลมาจากความเครียดและความเศร้าจากการสูญเสียพ่อเท่านั้น อย่างไรก็ตาม น้ำหนักของเธอกลับลดลงอย่างรวดเร็วจนเธอเริ่มกังวล จึงตัดสินใจไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือด แต่เมื่อผลตรวจออกมาปกติ แพทย์จึงสันนิษฐานว่าอาการที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นผลจากความเครียดและความเศร้าโศกจากการสูญเสียพ่อของเธอจริง ๆ เมื่อเวลาผ่านไป เธอเริ่มรู้สึกว่าอาการของตัวเองอาจมีสาเหตุที่มากกว่าความเครียดเพียงอย่างเดียว ในเดือนพฤษภาคม 2024 มาร์ลีจึงตัดสินใจสอบถาม ChatGPT เกี่ยวกับอาการของตัวเอง
การศึกษาครั้งใหม่จาก OpenAI และ MIT Media Lab พบว่า โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใช้ที่ใช้เวลาพูดคุยกับ ChatGPT มากขึ้น มักจะรู้สึกเหงามากขึ้น การเชื่อมโยงนี้ได้มาจากการศึกษาสองฉบับที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งหนึ่งในการศึกษาได้รับการดำเนินการที่ OpenAI โดยการวิเคราะห์ "การโต้ตอบกับ ChatGPT มากกว่า 40 ล้านครั้ง" และการสำรวจผู้ใช้ที่มีเป้าหมาย ส่วนการศึกษาที่ MIT Media Lab ได้ติดตามการใช้ ChatGPT ของผู้เข้าร่วมการทดลองเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ BBC พบว่าฟีเจอร์สรุปข่าวใน Notification ของ Apple Intelligence นั้นยังสรุปเนื้อหาไม่ถูกต้อง จน Apple ต้องปิดการใช้งานฟีเจอรืนี้ไปก่อน หละงจากนั้นทาง BBC ก็เลยนำ Chatbot ของ 4 รายใหญ่มาทดสอบว่าจะสรุปข่าวได้แม่นแค่ไหน ทาง BBC ได้นำ ChatGPT, Copilot, Gemini และ Perplexity AI มาทดสอบโดยใช้เนื้อหาข่าวจาก BBC เพื่อดูความแม่นยำในการสรุปเนื้อหา
OpenAI เตรียมรีแบรนด์ใหม่ให้กับตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเผยแบบอักษร โลโก้ รวมถึงจานสีใหม่ ทาง OpenAI ได้ให้สัมภาษณ์กับ Wallpaper เกี่ยวกับกระบวนการเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ในส่วนของโลโก้เดิมนั้นออกแบบโดย Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI และ Ilya Sutskever ผู้ร่วมก่อตั้ง แต่การรีแบรนด์ครั้งนี้ได้ทีมออกแบบภายในที่นำโดย Veit Moeller และ Shannon Jager กลับเข้ามากุมบังเหียน โดยตั้งใจที่จะสร้างเอกลักษณ์ที่ “เป็นธรรมชาติและมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น” ถ้าเราสังเกตโลโก้ใหม่ของบริษัทจะเห็นความแตกต่างกันน้อยมาก ถ้าไม่ได้เอามาเทียบคู่กันแบบชัดๆ





