ตำรวจไซเบอร์ ได้จับกุมชายชาวบัลแกเรียวัย 50 ปี หลังตกเป็นผู้ต้องหาในขบวนการชาวต่างชาติ ลอบติดตั้งอุปกรณ์ในตู้ ATM พบว่าสร้างความเสียหายแล้ว 13 ตู้ โดยคนร้ายแต่งกายเลียนแบบช่าง สลับสายข้อมูล ซึ่งอาจเป็นช่องทางทำ 'ATM jackpotting' เพื่อขโมยเงินสดหรือดักข้อมูลบัตร
สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น (National Police Agency - NPA) กำลังพิจารณากำหนดเพดานวงเงินสูงสุดวันละ 300,000 เยน สำหรับการถอนหรือโอนเงินผ่านเครื่อง ATM ของผู้สูงอายุ เพื่อลดปัญหาการฉ้อโกงที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มผู้สูงวัยโดยเฉพาะ ปัจจุบัน ธนาคารในญี่ปุ่นตั้งเพดานการถอนเงินจาก ATM ไว้ที่ 500,000 เยนต่อวัน (ประมาณ 112,963 บาท)
ข้อมูลจาก Information is Beautiful โชว์ให้เห็นว่าพิน ATM 4 หลักที่คนใช้มากที่สุดคือ 1234 โดยคิดเป็น 11% จากฐานข้อมูลทั้งหมด ข้อมูลนี้เก็บรวบรวมมาจากข้อมูลที่หลุดรอดบนออนไลน์ โดยนำพินจำนวน 3.4 ล้านพินมาวิเคราะห์เพื่อหารหัสที่คนใช้มากที่สุด โดยพิน 4 ตัวนั้นสามารถนำตัวเลขมาผสมกันได้ถึง 10,000 รหัส ถือว่าเรื่องที่น่าตกใจมากที่หลายคนใช้พินเพื่อกดบัตร ATM ง่ายๆในการปกป้องบัญชีของเรา โดย 1234 เป็นรหัสที่มีคนใช้มากที่สุด โดยคิดเป็น 11% จากฐานข้อมูลทั้งหมด ตามมาด้วย ‘1111’
ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เรียกว่าระบาดไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ญี่ปุ่นที่คนสูงอายุตกเป็นเหยื่อมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหานี้ทางตำรวจญี่ปุ่นได้จับเอา AI ใส่ตู้ ATM หากเห็นใช้งานมือถือพร้อมกดเงิน จะเปิดคลิปแจ้งเตือนบนหน้าจอทันที แก๊งมิจฉาชีพญี่ปุ่นนั้นมักจะหลอกว่าเป็นสมาชิกในครอบครัว อย่างลูกหรือหลาน บอกว่ากำลังมีปัญหาต้องการใช้เงินช่วยโอนเงินมาให้หน่อย พอเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปทาง ATM โดยโจรจะใช้วิธีโทรบอกขั้นตอนการเงินผ่านตู้ ATM ให้คนแก่โดยไม่ต้องไปด้วยตัวเอง ทำให้ไม่มีหลักฐานภาพหรือวิดีโอ ส่งผลให้ทางเจ้าหน้าตามตัวคนร้ายได้ยากขึ้น เรื่องทำให้ตำรวจญี่ปุ่นปวดหัวอย่างหนัก ทำให้เกิดมารตรการใหม่ๆเพื่อรับมือ เช่น มีแนวคิดจำกัดไม่ให้ผู้สูงอายุเข้าถึงบัญชีธนาคาร แต่มาตรการใหม่ล่าสุดคือการนำเทคโนโลยีมาช่วย ด้วยการใส่ AI เข้าไปในกล้องวิดีโอของตู้ ATM ถ้า AI ตรวจพบว่าถ้ามีการกดเงินและใช้มือถือไปพร้อมกัน
