กุมภาพันธ์เป็นเดือนแห่งความรัก ให้ความรักคนอื่นแล้วอย่าลืมมาดูแลสุขภาพหัวใจของตัวเองด้วย ล่าสุดทาง Apple Heart and Movement Study ได้เผยผลการศึกษาใหม่เกี่ยวกับเกี่ยวกับคาร์ดิโอฟิตเนสและการทำกิจกรรมที่ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ การเคลื่อนไหวร่างกายและการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอนั้นมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพหัวใจ โดยระดับคาร์ดิโอฟิตเนสของแต่ละคนจะวัดจากค่า VO2 max ซึ่งเป็นปริมาณออกซิเจนสูงสุดที่ร่างกายสามารถใช้ในระหว่างการออกกำลังกาย และสามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่อมีการออกแรง งานวิจัยยังบ่งชี้ด้วยว่าระดับคาร์ดิโอฟิตเนสเป็นตัวบ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่สำคัญยิ่งกว่าปัจจัยเสี่ยงทั่วไปอย่างการสูบบุหรี่ โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง โดยปกติแล้วการวัดค่านี้สามารถทำได้ในคลินิกเฉพาะทางเท่านั้น แต่ในอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆอย่าง Apple Watch มีเซนเซอร์ที่สามารถประมาณ ระดับคาร์ดิโอฟิตเนส เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูได้ด้วยว่าระดับคาร์ดิโอฟิตเนสของตนเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ในช่วงสัปดาห์ เดือน หรือปีที่ผ่านมา และหากระดับความฟิตของผู้ใช้อยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ ก็จะส่งการแจ้งเตือนให้รู้ทันทีบน Apple Watch พร้อมด้วยคำแนะนำในการปรับปรุงความฟิตให้ดีขึ้นได้ในอนาคต รวมถึงเรื่องที่ควรพูดคุยกับแพทย์ประจำตัวด้วย ล่าสุดทาง Apple Heart and Movement Study ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยที่สำคัญต่อสาธารณะที่นำโดย Apple และเปิดตัวในปี 2019 จึงได้แชร์ ข้อค้นพบใหม่ๆ เกี่ยวกับคาร์ดิโอฟิตเนสและการทำกิจกรรมในปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจที่นักวิจัยของ Brigham & Women’s Hospital ค้นพบมีดังนี้ เกี่ยวกับการทำกิจกรรม — เป้าหมายกิจกรรมที่แนะนำ: ผู้เข้าร่วม 54.8% ใช้เวลาโดยเฉลี่ย 150 นาทีขึ้นไปต่อสัปดาห์ในการทำกิจกรรมแอโรบิกระดับปานกลาง โดยเปอร์เซ็นต์จะเพิ่มขึ้นตามอายุและสูงกว่าเล็กน้อยสำหรับผู้ชาย — การแบ่งตามรัฐ: แมสซาชูเซตส์ (67.2%) นิวยอร์ก (66%) และคอนเนตทิคัต (64.1%) เป็นรัฐ 3 อันดับแรกที่มีผู้เข้าร่วมออกกำลังกายแบบแอโรบิกตามเกณฑ์เป็นสัดส่วนสูงที่สุด — สบายๆในวันหยุด: วันที่ผู้คนแอ็คทีฟน้อยที่สุดในปี 2023 คือวันที่ 25 ธันวาคม และวันที่แอ็คทีฟมากที่สุดคือวันที่ 27 พฤษภาคม เกี่ยวกับคาร์ดิโอฟิตเนส — เพิ่มอีกหนึ่งในสี่: ผู้เข้าร่วมที่มีระดับคาร์ดิโอฟิตเนสสูงจะทำกิจกรรมมากกว่าผู้ที่มีระดับคาร์ดิโอฟิตเนสต่ำประมาณ 15 นาทีโดยเฉลี่ย — เริ่มต้นก่อนได้เปรียบ: ผู้เข้าร่วมที่มีระดับคาร์ดิโอฟิตเนสสูงจะมีเปอร์เซ็นต์การออกกำลังกายที่สูงกว่าในช่วงเช้า โดยเฉลี่ย 36% สำหรับผู้ที่มีระดับคาร์ดิโอฟิตเนสสูงและ 28% สำหรับผู้ที่มีระดับคาร์ดิโอฟิตเนสต่ำ ในทางกลับกัน ผู้เข้าร่วมที่มีระดับคาร์ดิโอฟิตเนสต่ำจะทำกิจกรรมมากกว่าในช่วงเย็น โดยเฉลี่ย 28.5% สำหรับผู้ที่มีระดับคาร์ดิโอฟิตเนสสูงและ 36.2% สำหรับผู้ที่มีระดับคาร์ดิโอฟิตเนสต่ำ — ฟิตขึ้นอีก: ผู้เข้าร่วม 27% เพิ่มระดับคาร์ดิโอฟิตเนสได้มากกว่า 1 มล./กก./นาที และ 33% ยังคงมีระดับคาร์ดิโอฟิตเนสอยู่ที่ 1 มล./กก./นาที