
บริษัทเทคโนโลยี AI ที่ทำรถยนต์ขายได้นิดหน่อย แค่เพิ่งจะครบ 1 ล้านคันไปหมาด ๆ หนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลพ่วงของการเข้ามาตั้งโรงงาน Gigafactory ของ Tesla จุดประกายให้สตาร์ตอัปหลายเจ้า เร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง จนสามารถก้าวขึ้นมายืนแถวหน้าของวงการยนตรกรรมและเทคโนโลยี นี่คือ Xpeng เทคฯ คอมพานี ตั้งอยู่ที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีน เราจะพาไปสำรวจให้ลึกขึ้นไปอีกว่า Xpeng ทำอะไรมากกว่ารถยนต์ ในโลกยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย ‘Physical AI’

Xpeng ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2014 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการปฏิรูประบบการเดินทางในอนาคตด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะเห็นว่าสตาร์ตอัปจีนที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 ทศวรรษนี้ ล้วนได้รับอิทธิพลจาก Tesla และ AI อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Xpeng นำซอฟต์แวร์ AI มาใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีตั้งแต่ Day1 และเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ (Software-defined Vehicles) ซึ่งเป็นโลกยานยนต์ยุคเก่า ไปสู่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-defined Vehicles) นี่คือสิ่งใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยทั้งในเรื่องการขับเคลื่อนอัตโนมัติ การตัดสินใจในเสี้ยววินาที ระบบความปลอดภัยที่ประมวลผลพร้อม ๆ กัน โดยประเมินจากปัจจัยภายในและภายนอกรถร่วมกันได้ ไปจนถึงการอัปเกรดอย่างต่อเนื่อง ทุกที่ทุกเวลาให้ทันสมัยอยู่เสมอ
Xpeng เพิ่งจะประกาศความสำเร็จในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าครบ 1 ล้านคัน เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนนี้เอง โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี เร่งกระบวนการผลิตจากยอด 600,000 คันในปี 2024 มาสู่ 1 ล้านคันในช่วงปลายปี 2025 สะท้อนความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง
กว่างโจวในฐานะบ้านเกิดของ Xpeng เป็นที่ตั้งของหน่วยงานด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญ รวมถึงโรงงานที่ใช้ผลิตรถ EV และ R&D ของหุ่นยนต์ AI Humanoid ไปจนถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัทลูก ARIDGE ที่ผลิตรถบินได้ (Flying Car) ออกสู่ตลาดด้วยเช่นกัน
Xpeng มีโรงงาน 2 แห่ง หนึ่งในนั้นอยู่ที่ กว่างโจว มีการลงทุนมากกว่า 4,500 ล้านหยวน ในงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 3 แพลตฟอร์ม (Sedan, SUV และ MPV) ซึ่งในทริปนี้ เรามีโอกาสได้เยี่ยมชมกระบวนการผลิตในโรงงานแห่งนี้แบบเต็มตา จะเห็นว่าโรงงานค่อนข้างใหญ่ ใช้หุ่นยนต์และ AI เข้ามาช่วยเกือบ 100% ในการผลิต ลดการใช้ทรัพยากรมนุษย์ลง น่าจะไม่ถึง 10% นอกจากนี้ยังมีโรงงานอีกแห่งในเมืองจ้าวชิ่ง ซึ่งใช้หุ่นยนต์ผลิตรถ EV แบบ 100% แถมยังมีกำลังผลิตรถ 1 คัน ใช้เวลาแค่ 90 วินาทีเท่านั้น
Physical AI
นอกจากทริปทัวร์โรงงานแล้ว เรายังได้สัมผัสควันหลงจากงาน ‘XPENG AI Day 2025’ ของ Xpeng ด้วย ปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม ‘Emergence’ หรือ ‘การกำเนิดปัญญา’ พร้อมเปิดตัว 4 นวัตกรรม ที่อาศัย ‘Physical AI’ หรือเทคโนโลยี AI เชิงกายภาพ หัวใจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนบริษัทไปสู่อนาคต ที่สำคัญสามารถจับต้องได้ด้วย
จุดแข็งของ Xpeng คือเป็นผู้พัฒนาระบบ Physical AI ขึ้นเองทั้งหมด ครอบคลุมตั้งแต่ชิป ระบบปฏิบัติการ ไปจนถึงฮาร์ดแวร์อัจฉริยะ ที่รองรับการทำงานของซอฟต์แวร์ได้ เพื่อรองรับนวัตกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นและเดินหน้าไปสู่อนาคตและการขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Xpeng VLA 2.0 แพลตฟอร์ม AI สำหรับการขับขี่, Xpeng Robotaxi หรือรถขนส่งอัตโนมัติ, IRON หุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์เจเนอเรชั่นใหม่ จังหวะเดินใกล้เคียงมนุษย์ และระบบการบินสองรูปแบบจาก ARIDGE
VLA 2.0
VLA (Vision-Language-Action) คือแพลตฟอร์มโมเดล AI รูปแบบหนึ่งที่อาศัยภาพ-ภาษา-การกระทำ เข้ามาช่วยระบบขับอัตโนมัติ ถามว่า VLA 2.0 ของ Xpeng แตกต่างจากระบบ ADAS อื่น ๆ อย่างไร ต้องบอกว่า Xpeng ปฏิวัติแนวคิดใหม่ด้วย ‘Vision–Implicit Token–Action’

VLA 2.0 เป็นโมเดลขนาดใหญ่ที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้ ข้ามขั้นตอนการแปลภาษา ทำให้ระบบสามารถสร้างคำสั่งจากสัญญาณภาพได้ทันที มีความอัจฉริยะมากพอที่จะทำความเข้าใจจากวิดีโอบันทึกการขับขี่จำนวนมหาศาลกว่า 100 ล้านคลิป ด้วยชิป Turing AI ที่ฝั่งอยู่ในตัวแพลตฟอร์ม (อยู่บริเวณด้านหน้าตัวรถ) พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ‘Narrow Road NGP’ ที่ทำให้ระบบขับขี่อัตโนมัติฉลาดขึ้น บนถนนคับแคบหรือซับซ้อน
Robotaxi
Robotaxi รายแรกของจีนที่พัฒนาเองทั้งระบบ ตั้งแต่ชิป Turing AI 4 ตัว ใช้เพียงกล้องและระบบประมวลผลภาพ โดยไม่พึ่งพา LiDAR หรือแผนที่ความละเอียดสูง ออกแบบมาเพื่อระบบไร้คนขับโดยแท้จริง ในทริปนี้เรายังไม่ได้รูปแบบของ Robotaxi จริงๆ แต่ได้สัมผัส หนึ่งในระบบขับขี่อัตโนมัติอย่าง NGP ที่ได้ลองขับขี่บนถนนจริง ๆ ของเมืองกว่างโจว เรียกว่าไม่ธรรมดาเลย ระบบ NGP ทำงานกับแผนที่ของเมืองได้อย่างราบรื่น เลี้ยว เบรก จอด กลับรถ เร่ง สังเกตรอบคันได้เหมือนกับขับขี่ด้วยตัวเอง
Next-Gen IRON
ปี 2024 Xpeng เปิดตัว IRON รุ่นแรก และได้นำมาโชว์ในงาน Shanghai Auto Show 2025 ซึ่งเป็นหุ่นยนต์รูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่ยังปรากฏข้อต่อ ท่อนเหล็กต่างๆ ที่ยังให้ความรู้สึกเหมือนหุ่นยนต์อยู่ แต่ใน XPENG AI Day 2025 ที่ผ่านมา IRON เวอร์ชันใหม่ถือกำเนิดแล้ว หุ่นยนต์ที่สามารถเดินย่างกรายได้เหมือนมนุษย์ แล้วยังห่อหุ่มผ้ามาทั่วตัว มีทรวดทรงองเอวไม่ต่างจากคนจริงๆ เหลือแค่ยังไม่มีหน้าตาเป็นจริงเป็นจังเท่านั้น

IRON เจเนอเรชั่นใหม่ อัปเกรดอีกครั้ง ยกระดับทั้งรูปลักษณ์และการเคลื่อนไหว โดยมีการจำลองกระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อไบโอนิก และผิวนุ่มยืดหยุ่น ผสาน 82 จุดเชื่อมต่อทั่วร่างกาย ทำให้เคลื่อนไหวได้ไหลลื่นเหมือนมนุษย์ยิ่งขึ้น
สิ่งที่ทำให้ IRON เจนใหม่เคลื่อนที่ได้ไหลลื่น เนื่องจากใช้ ข้อต่อขนาดเล็กที่สุดในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะบริเวณมือที่มีข้อต่อมากกว่า 22 จุด มากกว่าข้อต่อข้อมือของมนุษย์เสียด้วยซ้ำ พร้อมติดตั้งชิป Turing AI 3 ตัว (VLT + VLA + VLM) ทำให้สามารถ ‘พูด เดิน และโต้ตอบ’ ได้เช่นเดียวกับมนุษย์ และยังเป็นการนำแบตเตอรี่ Solid-state มาทดลองใช้อีกด้วย
Xpeng ARIDGE
Xpeng ก่อตั้งโรงงานสำหรับผลิตรถบินได้ (Flying car) แห่งแรกในโลก ภายใต้ชื่อแบรนด์ ARIDGE ที่เมืองกว่างโจว เป็นหนึ่งในผู้นำเรื่องรถบินได้ของประเทศจีน รวมถึงระดับโลก ซึ่งพัฒนารถบินได้มาแล้วหลายรุ่น ตั้งแต่รถบินส่งของขนาดสองที่นั่ง X1 และ X2 เคยทดสอบบินขึ้นลงจริงมาแล้วที่ดูไบ

แม้รถบินได้รุ่นเล็กจะไม่ได้ผลิตออกมาขายจริง แต่ก็เป็นต้นกำเนิดให้ตลาดรถบินค่อยๆ เติบโตอย่างจริงจังในเวลาต่อมา Xpeng เปิดตัวรถบินได้ 2 รุ่น คือ Land Aircraft Carrier รถที่ขนรถบินได้อีกลำไว้ภายใน ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ เป็นรุ่นแรกที่ออกแบบมาเพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะ แถมมียอดสั่งจองไปแล้วกว่า 7,000 คันทั่วโลก ด้วยราคาเปิดตัว 2 ล้านหยวน (ประมาณ 10 ล้านบาท)

ตัวรถหน้าตาคล้ายรถตู้ เป็นรถไฮบริด ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถขับขี่และปั่นไฟได้ในตัว ขับขี่ระยะทางไกลมากกว่า 1,000 km นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นแท่นชาร์จให้กับรถบินได้ ในยามที่ต้องการเปลี่ยนการเดินทางจากบนถนนไปเป็นท้องฟ้า หรือในพื้นที่ที่ตัวรถไม่สามารถเดินทางต่อไปได้

Xpeng พัฒนารถบินได้ลำใหญ่ ‘A868’ ที่หน้าตาคล้ายเครื่องบินรบ Full Tiltrotor Hybrid ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฮบริด ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า 6 ตัวที่ใช้ควบคุมใบพัด 6 ตัว อาศัยเครื่องยนต์ช่วยปั่นไฟ พูดง่ายๆ ว่า ทำหน้าที่คล้ายรถ REEV แต่มาในรูปโฉมอากาศยานนั่นเอง
Xpeng A868 บินได้ไกลสุด 500 km ทำความเร็วสูงสุด 360 km/h รองรับผู้โดยสารได้ 6 ที่นั่งรวมกัปตัน โรงงานที่เมืองกว่างโจวเองก็สามารถผลิตรถบินได้ A868 ด้วยกำลังผลิต 10,000 คันต่อปี หรือทุกๆ ครึ่งชั่วโมงจะผลิตรถบินได้ได้ 1 ลำ

Xpeng ยังอวดโฉมรถบินได้ต้นแบบ eVolt Flying Car ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ด้านล่างเป็นรถหน้าตาคล้ายรถสปอร์ตทั่วไป แต่ด้านบนเป็นใบพัดขนาดใหญ่ ที่มีโรลเลอร์และมอเตอร์ 4 ด้าน เบื้องต้นยังเป็นต้นแบบที่กำลังพัฒนา ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะผลิตขายจริงในปีไหน แต่ก็ทำให้เห็นว่า Xpeng เอาจริงเอาจังกับเรื่องบินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้เป็นภาพรวมนวัตกรรมของ Xpeng ที่เปิดตัวต่อสายตาชาวโลกไปแล้วในงาน XPENG AI Day 2025 และประกาศก้องว่า Xpeng เป็นบริษัทที่ชำนาญในด้านเทคโนโลยี ที่สามารถผลิตรถขายได้ 1 ล้านคันด้วย โดยมีหัวใจสำคัญคือเรื่อง Physical AI เป็นแกนกลางเชื่อมต่อปัจจุบันและอนาคตให้ขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราอาจจะได้เห็นรถบินได้ บินขนส่งทั่วฟ้าประเทศจีน หรือรถขับขี่อัตโนมัติบนท้องถนน (ซึ่งมีให้เห็นแล้ว สังเกตไฟที่กระจกข้างสีฟ้า แสดงว่ารถคันนั้นเปิดระบบขับขี่อัตโนมัติอยู่) ตลอดจนหุ่นยนต์รูปร่างคล้ายมนุษย์ เดินไปซื้อกาแฟและช้อปปิ้งแทนเราได้ด้วย นี่แหละเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์ในแบบที่หลายคนคาดไม่ถึง ซึ่ง Xpeng ทำให้เห็นแล้ว





